ปี 2002 Squaresoft ปล่อยเกม RPG สุดทะเยอทะยาน Unlimited Saga ออกมา พร้อมกับคำโปรยโฆษณาที่ชวนให้ตื่นเต้นถึงการปฏิวัติวงการเกม RPG แต่เอาเข้าจริง สิ่งที่ผมสัมผัสได้กลับเป็นความ "แปลก" ที่ยากจะเข้าใจ Unlimited Saga ไม่ใช่เกม RPG แบบที่คุ้นเคย มันเต็มไปด้วยระบบ กลไก และไอเดียที่ "แหวกแนว" จนอาจทำให้หลายคนรู้สึก "งง" "สับสน" และ "หงุดหงิด" ในบทวิจารณ์นี้ ผมจะพาทุกท่านไปสำรวจโลกของ Unlimited Saga พร้อมเจาะลึกทุกแง่มุม ทั้งข้อดี ข้อเสีย และประสบการณ์ตรงที่ผมได้พบเจอ เนื้อเรื่อง Unlimited Saga เสนอเรื่องราวของตัวละครหลักถึง 7 คน แต่ละคนมีภูมิหลัง เป้าหมาย และเส้นทางการผจญภัยที่แตกต่างกัน เช่น ลูดี้ จอมโจรหนุ่มผู้มีอดีตอันลึกลับ ออกเดินทางตามหาสมบัติในตำนานเพื่อไขปริศนาชาติกำเนิดของตัวเอง อาร์มส พ่อค้าเร่ผู้เบื่อหน่ายชีวิตอันจำเจ ออกเดินทางรอบโลกเพื่อแสวงหาประสบการณ์ใหม่ๆ หรือคุรุคุ นักดาบสาวผู้สูญเสียครอบครัวจากการโจมตีของเผ่าปีศาจ ออกเดินทางเพื่อล้างแค้นและนำความสงบสุขกลับคืนมา แม้คอนเซ็ปต์เรื่องราวจะดูน่าสนใจ แต่การนำเสนอของเกมกลับทำได้อย่าง "น่าผิดหวัง" การเล่าเรื่องกระโดดไปมา ขาดความต่อเนื่อง เหมือนผู้กำกับหนังตัดต่อฉากสลับไปมาอย่างไร้เหตุผล ตัวอย่างเช่น ในขณะที่กำลังลุ้นระทึกกับการต่อสู้ของลูดี้ในถ้ำลึกลับ เกมก็ตัดฉากไปที่อาร์มส ที่กำลังต่อราคาสินค้าในตลาด ก่อนจะตัดกลับมาที่คุรุคุ ที่กำลังฝึกฝนวิชาดาบอยู่กลางป่า การเล่าเรื่องแบบนี้ทำให้ "ความตื่นเต้น" "ความลุ้นระทึก" และ "อารมณ์ร่วม" ของผู้เล่นหายไป ระบบการต่อสู้ หัวใจหลักของความ "แปลก" ใน Unlimited Saga คือระบบ "Reel" ที่ใช้ "วงล้อ" ในการกำหนดการกระทำของตัวละคร แทนที่จะเลือกคำสั่งโจมตี ป้องกัน หรือใช้ไอเทม แบบเกม RPG ทั่วไป เราต้องหมุนวงล้อให้ตรงกับสัญลักษณ์ที่ต้องการ ซึ่งฟังดูอาจจะน่าสนใจในตอนแรก แต่ในความเป็นจริง มันกลับกลายเป็น "ฝันร้าย" ของผู้เล่นหลายคน ลองนึกภาพว่า คุณกำลังต่อสู้กับบอสสุดโหด เลือดเหลือหยดสุดท้าย ต้องการใช้ไอเทมรักษา แต่หมุนวงล้อเท่าไหร่ ก็ไม่ตรงกับช่องไอเทมสักที สุดท้ายก็โดนบอสจัดการ ตายอนาถ ความรู้สึกแบบนี้ คงไม่มีใครอยากเจอ นอกจากนี้ ระบบ Reel ยังทำให้การต่อสู้ "ขาดความลื่นไหล" "เสียเวลา" และ "น่าเบื่อ" อย่างมาก ยิ่งถ้าต้องเจอกับศัตรูจำนวนมาก การต่อสู้แต่ละครั้งอาจกินเวลานาน จนทำให้ผู้เล่นรู้สึกหงุดหงิด กราฟิก ในยุคสมัยนั้น กราฟิกของ Unlimited Saga ถือว่าอยู่ในระดับ "พอใช้" ตัวละคร ฉาก และมอนสเตอร์ ได้รับการออกแบบในสไตล์ "การ์ตูน" ที่มีเอกลักษณ์ แต่ก็ยังขาดรายละเอียด สีสัน และความสมจริง ฉากหลังในเกมส่วนใหญ่ เป็นภาพนิ่ง ไม่มีลูกเล่น หรือ เอฟเฟกต์ อะไรมากนัก การเคลื่อนไหวของตัวละครก็ดูแข็งๆ ไม่เป็นธรรมชาติ ดนตรีประกอบ ดนตรีประกอบเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของ Unlimited Saga เพลงประกอบฉากต่อสู้ มีความอลังการ เร้าใจ และเข้ากับบรรยากาศของเกมได้เป็นอย่างดี เพลงประกอบในเมือง และ ดันเจี้ยนต่างๆ ก็ช่วยสร้างบรรยากาศ และ อารมณ์ ให้กับผู้เล่นได้อย่างยอดเยี่ยม ระบบการพัฒนาตัวละคร Unlimited Saga ไม่มีระบบ "Level Up" แบบเกม RPG ทั่วไป แต่ใช้ระบบ "Skill Panel" ที่ผู้เล่นต้องใช้แต้ม "LP" (Learning Point) ในการปลดล็อก และ พัฒนาความสามารถของตัวละคร ระบบ Skill Panel มีความซับซ้อน และ ยืดหยุ่นสูง เราสามารถเลือกพัฒนาตัวละครได้หลากหลายรูปแบบ เช่น เน้นการโจมตี ป้องกัน ใช้เวทมนตร์ หรือสนับสนุน ขึ้นอยู่กับสไตล์การเล่นของเรา ข้อดี แนวคิดที่แหวกแนว Unlimited Saga กล้าที่จะฉีกกฎ และ ทดลองสิ่งใหม่ๆ ระบบการพัฒนาตัวละครที่ยืดหยุ่น ดนตรีประกอบที่ยอดเยี่ยม ข้อเสีย ระบบ Reel ที่น่าเบื่อหน่าย และ ส่งผลต่อความสมดุลของเกม การเล่าเรื่องที่ขาดความต่อเนื่อง กราฟิกที่ยังไม่น่าประทับใจ สรุป Unlimited Saga เป็นเกม RPG ที่ "ท้าทาย" ผู้เล่นในทุกด้าน ทั้งความอดทน ความเข้าใจ และ รสนิยม มันอาจจะไม่ใช่เกมที่ถูกใจทุกคน แต่ถ้าคุณเป็นเกมเมอร์ที่ชอบ "ลองของแปลก" "ไม่กลัวความยาก" และ "พร้อมเปิดรับประสบการณ์ใหม่ๆ" ผมขอแนะนำให้ลองเล่น Unlimited Saga ดูสักครั้ง คะแนน 6.5/10 ประสบการณ์ส่วนตัว ผมจำได้ว่าตอนเห็นตัวอย่างเกมครั้งแรก รู้สึกตื่นเต้นมาก กราฟิกสไตล์ภาพวาด ระบบต่อสู้ที่ดูแปลกใหม่ และ ชื่อชั้นของ Squaresoft ทำให้ผมรีบพุ่งตัวไปซื้อเกมในวันวางจำหน่ายทันที แต่ความตื่นเต้นนั้น อยู่ได้ไม่นาน หลังจากเริ่มเล่น ผมก็ต้องเผชิญกับ "กำแพง" แห่งความ "งง" ระบบ Reel ที่ตอนแรกดูน่าสนใจ กลับกลายเป็นอุปสรรคใหญ่ การต่อสู้แต่ละครั้ง ต้องมานั่งลุ้นวงล้อ เสียเวลา น่ารำคาญ แถมยังทำให้เกมขาดความลื่นไหล การเล่าเรื่องก็เป็นอีกปัญหา ผมพยายามทำความเข้าใจ และ เชื่อมโยงเรื่องราวของตัวละครแต่ละคน แต่ก็ไม่สำเร็จ มันเหมือนกับดูหนังหลายๆ เรื่องพร้อมกัน โดยที่แต่ละเรื่อง ไม่มีความเกี่ยวข้องกันเลย ผมพยายามฝืนเล่นต่อไป หวังว่าเกมจะดีขึ้น เผื่อมีอะไรซ่อนอยู่ แต่สุดท้ายก็ต้องยอมแพ้ ความรู้สึก "ผิดหวัง" "เบื่อหน่าย" และ "หงุดหงิด" ทำให้ผมวางแผ่นเกมทิ้งไว้ และ ไม่เคยกลับไปเล่นมันอีกเลย แม้ Unlimited Saga จะเป็นประสบการณ์ที่ไม่น่าจดจำสำหรับผม แต่ผมก็ยังชื่นชมความกล้าของทีมผู้สร้าง ที่พยายามนำเสนอสิ่งใหม่ๆ ให้กับวงการเกม แม้จะไม่ประสบความสำเร็จ แต่ Unlimited Saga ก็เป็นเครื่องเตือนใจว่า บางครั้ง "ความแปลก" อาจไม่ใช่คำตอบของทุกอย่าง เครดิตภาพ ทางผู้เขียนได้ซื้อเกมนี้มาเล่นเองถ่ายรูปลงเอง เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !