โปรดิวเซอร์ดังฆ่าดาราสาว สิ้นใจในเรือนจำ วัย81 เผยติดโควิด
โปรดิวเซอร์ดังฆ่าดาราสาว - ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า นายฟิล สเปกเตอร์ โปรดิวเซอร์เพลงชื่อดังชาวอเมริกันเสียชีวิตด้วยสาเหตุตามธรรมชาติ ขณะอายุ 81 ปี เมื่อวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น ระหว่างถูกจำคุกในรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ เป็นเวลา 19 ปี
กรมราชทัณฑ์รัฐแคลิฟอร์เนียออกแถลงการณ์ว่าแพทย์นิติเวชจากเขตซานวาคีน จะตรวจสอบสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงของนายสเปกเตอร์ต่อไป
ส่วนสำนักข่าว รอยเตอร์ อ้างเจ้าหน้าที่ว่านายสเปกเตอร์เสียชีวิตเพราะติดโควิด-19 หลังจากมีผลตรวจวินิจฉัยว่าติดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เมื่อ 4 สัปดาห์ก่อนและถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลนอกเรือนจำ
นายสเปกเตอร์ถูกตัดสินว่ามีความผิดในข้อหาฆ่าโดยเจตนาโดยไม่ได้ไตร่ตรองไว้ก่อนและถูกลงโทษจำคุกเป็นเวลา 19 ปีไปจนถึงตลอดชีวิตตั้งแต่ปี 2552 เนื่องจากใช้อาวุธปืนยิงสังหารดาราสาว ลานา คลาร์กสัน เมื่อปี 2546 ขณะที่นักแสดงสาวนั่งบนเก้าอี้ในบ้านของนายสเปกเตอร์ในรัฐแคลิฟอร์เนีย โดยถูกยิงเข้าที่เพดานปาก
นายสเปกเตอร์เกิดที่ย่านบรองซ์ในนิวยอร์ก มีชื่อเสียงจากการโปรดิวซ์เพลงให้กับวงดนตรีดังระดับโลก เช่น เดอะ บีตเทิลส์, อิเค แอนด์ ทีนา เทอร์เนอร์, เชอร์” และ ราโมนส์
นอกจากนี้ ยังสร้างสรรค์การผลิตเพลงด้วยเทคนิคที่เรียกว่า Wall of Sound ซึ่งมีอิทธิพลต่อดนตรีเพลงพ็อพยุค 1960 หรือเมื่อประมาณ 60 ปีก่อนเป็นอย่างยิ่ง
รวมทั้ง ก่อตั้งวง “เท็ดดีแบร์” ที่มีเพลงดัง อย่าง "To Know Him is to Love Him" ขณะที่ยังเรียนชั้นมัธยมปลายอยู่
นายสเปกเตอร์ได้รับรางวัล แกรมมี อวอร์ด สาขาอัลบั้มเพลงยอดเยี่ยมประจำปี ในฐานะโปรดิวเซอร์ของอัลบั้ม ‘The Concert for Bangladesh’ และได้รับการจารึกชื่อเข้าสู่หอเกียรติยศดนตรี ร็อกแอนด์โรล และหอเกียรติยศนักเขียนเพลงด้วย
เหตุการณ์ที่ทำให้นายสเปกเตอร์สิ้นอิสรภาพ เกิดขึ้นเมื่อเดือน พ.ย. 2546 เนื่องจากยิงนางสาวคลาร์กสันเสียชีวิต
ดอนนา มารดาของคลาร์กสัน กล่าวในแถลงการณ์หลังจากนายสเปกเตอร์เสียชีวิตว่า ลานาเป็นคนน่ารัก มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น มีเมตตา หากยังมีชีวิตอยู่ก็จะมีอายุ 58 ปี แต่ลานายังคงส่งพลัง ความสดใสและความรักให้กับครอบครัวตั้งแต่จากไปเมื่อ 18 ปีก่อน
ลานา คลาร์กสันเป็นนักแสดงภาพนตร์เกรด บี เรื่อง "Barbarian Queen" และอีกหลายเรื่อง เช่น "Deathstalker" "Blind Date" "Scarface" "Fast Times at Ridgemont High" และ "Amazon Women on the Moon"