โปรไฟล์รัฐมนตรีเทคโนแครต ผู้กุมหัวใจเศรษฐกิจ ใน ‘ครม.อนุทิน’

เทคโนแครต ในความหมายร่วมสมัยคือ บุคลากรผู้เชี่ยวชาญจากระบบราชการ ภาคเอกชนขนาดใหญ่ หรือวงวิชาการ ที่ถูกเชิญตัวเข้าสู่ตำแหน่งนโยบายสาธารณะ จุดแข็งคือความเข้าใจเชิงเทคนิค เครือข่ายวิชาชีพ และวินัยการตัดสินใจบนข้อมูลจริง เมื่อไทยต้องเร่งยกระดับผลิตภาพและความสามารถในการแข่งขัน รัฐบาลจึงเลือกแนวทางผสานการเมืองกับวิชาชีพ เพื่อให้กลไกรัฐทำงานรวดเร็วและสอดคล้องกับมาตรฐานสากล

เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ 

แกนการคลังวางที่เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เอกนิติจบเศรษฐศาสตรบัณฑิตเกียรตินิยมจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ต่อด้วยปริญญาโทเศรษฐศาสตร์ที่ University of Illinois at Urbana Champaign และปริญญาเอกเศรษฐศาสตร์ที่ Claremont Graduate University ด้วยทุนรัฐบาล ก.พ. เส้นทางอาชีพครอบคลุมงานระดับนานาชาติและงานกำหนดนโยบายในประเทศ ตั้งแต่ที่ปรึกษาอาวุโสธนาคารโลก โฆษกกระทรวงการคลัง รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายรัฐวิสาหกิจ รวมถึงตำแหน่งอธิบดีกรมสรรพากร อธิบดีกรมสรรพสามิต และอธิบดีกรมธนารักษ์ ความชำนาญครอบคลุมการเงินการคลัง ภาษี และการบริหารทรัพย์สินของรัฐ จึงถูกคาดหมายว่าจะวางกรอบวินัยการคลังควบคู่กับเครื่องมือพยุงเศรษฐกิจจริง

ทีมการคลังได้แรงเสริมจากวรภัค ธันยาวงษ์ ในตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง วรภัคจบปริญญาตรีด้านวิทยาการจัดการและระบบคอมพิวเตอร์ที่ Oklahoma State University และปริญญาโทบริหารธุรกิจสาขาการเงินที่ University of Missouri Kansas City ผ่านประสบการณ์ในสถาบันการเงินต่างประเทศและธนาคารพาณิชย์ชั้นนำของไทย เคยดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงไทย มีผลงานด้านการยกระดับธรรมาภิบาลองค์กรและบริหารคุณภาพสินเชื่อ อีกทั้งเคยทำหน้าที่ประธานคณะที่ปรึกษาของพิชัย ชุณหวชิร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในรัฐบาลก่อนหน้า องค์ความรู้เชิงลึกต่อโครงสร้างสถาบันการเงินจะช่วยให้มาตรการการคลังลงสู่ระบบเศรษฐกิจได้ทันการณ์

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์

ภาคพลังงานเป็นอีกฟันเฟืองสำคัญ อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ขึ้นนั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน จบวิศวกรรมโยธาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปริญญาโทเศรษฐศาสตร์จากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ และประกาศนียบัตรด้านการจัดการอุตสาหกรรมปิโตรเลียมจาก College of Petroleum Studies มหาวิทยาลัยอ็อกซฟอร์ด อรรถพลเติบโตในกลุ่มบริษัท ปตท ทำงานต่อเนื่องยาวนานกว่า 30 ปี ครอบคลุมทั้งห่วงโซ่ธุรกิจพลังงาน ก่อนขึ้นเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ในช่วงสถานการณ์โควิดและราคาพลังงานผันผวน การผสมผสานความมั่นคงด้านอุปทานกับแผนลงทุนพลังงานสะอาดจะเป็นโจทย์หลักของกระทรวงในระยะเปลี่ยนผ่าน

สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว

นโยบายต่างประเทศวางไว้กับสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สีหศักดิ์เป็นนักการทูตอาชีพ เริ่มงานกระทรวงการต่างประเทศตั้งแต่ปี 2522 ขยับสู่ตำแหน่งปลัดกระทรวง เคยเป็นเอกอัครราชทูตประจำญี่ปุ่นและฝรั่งเศส และได้รับเลือกเป็นประธานคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ วาระปี 2553 ถึง 2554 เครือข่ายความสัมพันธ์กับผู้เล่นหลักระดับโลกและประสบการณ์ทั้งกรอบทวิภาคีและพหุภาคี คือทุนสำคัญสำหรับการวางสมดุลผลประโยชน์ของไทยท่ามกลางการแข่งขันมหาอำนาจและกติกาการค้าที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว

เศรษฐกิจเชิงการค้าและซัพพลายเชนได้รับมอบหมายให้ศุภจี สุธรรมพันธุ์ ในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ศุภจีเริ่มเส้นทางอาชีพในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและโทรคมนาคม อยู่กับองค์กรข้ามชาติยาวนาน ก่อนขยับสู่ภาคธุรกิจสื่อสารดาวเทียม และรับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท ดุสิตธานี จำกัด มหาชน บทบาทในภาคบริการและอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ทำให้เข้าใจมาตรฐานสากลด้านคุณภาพสินค้า การจัดซื้อจัดจ้าง และการสร้างแบรนด์ ภารกิจในกระทรวงพาณิชย์จึงรวมตั้งแต่การเร่งข้อตกลงการค้า มาตรฐานสินค้า การคุ้มครองผู้บริโภค ไปจนถึงการผลักดันผู้ประกอบการไทยเข้าสู่แพลตฟอร์มการค้าทั่วโลก

ศุภจี สุธรรมพันธุ์ 

กระบวนการยุติธรรมมอบให้ พล.ต.ท.ชาญชัย พงษ์พิชิตกุล ในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ชาญชัยมีพื้นฐานจากสายงานสืบสวนสอบสวน ขยับสู่การบังคับบัญชาระดับจังหวัดและระดับภาค ก่อนเกษียณจากตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ความเข้าใจระบบคดีอาญาในมิติปฏิบัติ การบริหารกำลังคน และประสบการณ์ทำงานเชิงพื้นที่ จะเป็นฐานสำหรับภารกิจปรับสมดุลระหว่างการบังคับใช้กฎหมายกับสิทธิเสรีภาพ ตลอดจนการยกระดับงานราชทัณฑ์และยุติธรรมชุมชน ลดคดีค้าง ลดต้นทุนทางสังคม และฟื้นความไว้วางใจต่อระบบยุติธรรม

พล.ต.ท.ชาญชัย พงษ์พิชิตกุล

ระดับนโยบายกฎหมายส่วนกลางมีบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีกำกับงานด้านกฎหมาย บวรศักดิ์เป็นนักกฎหมายมหาชนชั้นครู ผ่านบทบาทเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า และประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ประสบการณ์ดังกล่าวจะช่วยออกแบบเครื่องมือทางกฎหมายที่รองรับนโยบายเศรษฐกิจและสังคมให้สอดคล้องกับหลักนิติรัฐ การคุ้มครองสิทธิ และกลไกตรวจสอบของรัฐสภา

บวรศักดิ์ อุวรรณโณ

เมื่อประกอบทุกชิ้นส่วนเข้าด้วยกัน จะเห็นการจัดทัพที่ครอบคลุมทั้งการคลัง ระบบธนาคาร พลังงาน การต่างประเทศ การค้า และยุติธรรม จุดร่วมของคนนอกเหล่านี้คือวินัยเชิงข้อมูลและความสามารถเชื่อมโยงเครือข่ายวิชาชีพกับนโยบายสาธารณะ แผนที่ต้องเดินต่อไปคือการบูรณาการระหว่างกระทรวงให้เดินในทิศทางเดียวกัน ตั้งแต่การกำหนดเป้าหมาย การจัดสรรทรัพยากร ไปจนถึงการติดตามประเมินผลที่โปร่งใส เพื่อแปลงทุนความรู้เชิงวิชาชีพให้กลายเป็นความเชื่อมั่นและการเติบโตที่ยั่งยืน