เคจีไอ ส่องหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า ชี้ปัจจัยลบมากกว่าปัจจัยบวก
#ทันหุ้น-บล.เคจีไอ(ประเทศไทย) ได้ปรับลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นกลุ่มโรงไฟ้าเป็น"เท่ากับตลาด" จากเดิมอยู่ที่"มากกว่าตลาด" โดยมองว่ามีปัจจัยลบ 4 ประการมากกว่าปัจจัยบวกที่มีแค่ 2 ประกาศ ซึ่งนำไปสู่การปรับดประมาณการกำไร โดยเลือกหุ้น GULF เป็น Top pick เพียงตัวเดียวในกลุ่ม จากแนวโน้มของ NewCo ขณะเดียวกันก็ชื่นชอบ RATCH สำหรับผู้ที่ต้องการเติบโตของกำไรอย่างราบรื่น พร้อมประเมินมูลค่าและผลตอบแทนที่น่าดึงดูด สำหรับผู้เลนรายอื่นแนะนำให้ถือ หรือขาย เนื่องจากการเติบโตที่ชะลอความไม่แน่นอนของโครงการ ฐานะการเงินและการประเมินมูลค่าที่ตึงตัว
ฝ่ายวิจัยเคจีไอฯ ชี้มีปัจจัยลบ 4 ประการ ได้แก่
1# แผน PDP2024 อาจถูกเลื่อนไปจนถึงอย่างน้อยครึ่งแรกปี 2568 จากguidance ของหลายบริษัท ส่วนหนึ่งฝ่ายวิจัยคาดว่ามาจากการจัด priority เรื่องต่างๆของรัฐบาล รวมถึงการที่รมว.พลังงาน สั่งระงับการเปิดรับซื้อไฟฟ้าพลังงานทดแทนเฟส 2 (3,668MW) (2,180MW มีการเปิดให้ยื่นโครงการแล้วแต่ยังไม่ประกาศ) เนื่องจากต้องการตรวจสอบรายละเอียดโครงการว่าเอื้อต่อนายทุนหรือไม่รวมถึงความล่าช้าในการสรรหาบอร์ด กกพ. ชุดใหม่ที่ว่างลง 4 ตำแหน่ง
ฝ่ายวิจัยเชื่อว่าเรื่องดังกล่าวจะเป็น overhang ต่อgrowth potentials จากการประมูล ทำให้ตลาด discount เรื่องดังกล่าวในการประเมิน valuation ถึงแม้ในระยะกลางถึงยาวเราเชื่อว่าภาครัฐจะต้องเปิดรับซื้ออยู่ดีก็ตาม
2# Valuation เริ่มตึงตัว หลังถูกrerate ขึ้นอย่างน้อย 1SD ตั้งแต่ก.ย.2567 ทำให้หุ้นส่วนใหญ่ล่าสุด trade ที่-1SD และ/หรือ mean ของ historical PE และPBV บวกกับตลาดปรับลดกำไรลงหลังบริษัทส่วนมากไม่มี profitability, ROE trajectory และ earnings prospects ที่แข็งแกร่งแบบอดีต
3# วัฎจักรดอกเบี้ยขาลงจะช้าลง ตลาดน่าจะมีการรับรู้ไปพอสมควรแล้ว ประกอบกับมีความเสี่ยงที่เส้นทางการลดดอกเบี้ยจะช้าลงและระดับการลดต่ำกว่าที่คาดไว้เดิม หลังจากที่ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีโดยจากเดิมนักเศรษฐศาสตร์ KGI มองว่าจะปรับลด 125bps จะเหลือ100bps ในปี 2568 ส่งผลให้ WACC ในการประเมินมูลค่าอาจไม่ปรับตัวลงเร็วเท่าที่คาด ซึ่งรวมไปถึงการปรับลดของ bond yields และการแข็งค่าของ US$/THB ที่ช้าลง
4# ฝ่ายวิจัยเคจีไอฯ มองการปรับลดค่าไฟฟ้าในงวดเดือน ม.ค.-เม.ย. 2568 เป็นสัญญาณลบกับ sectorถึงแม้จะลงไม่มีนัยยะเพียงแค่ 3 สตางค์มาอยู่ที่ 4.15 บาท/หน่วย ก็ตาม (จากเดิมที่ case ต่ำสุดในรอบ (public hearing คือ Bt4.18//kWh ) แต่เชื่อว่ามีโอกาสที่อาจปรับลงต่อในอีกสองรอบที่เหลือของปี2568 ทั้ง(พ.ค.-ส.ค.) และ (ก.ย.-ธ.ค.) โดย BGRIM และ GPSC จะได้รับผลกระทบลบมากสุดจากสัดส่วน SPP ที่มากกว่า peers สำหรับปี2568 ฝ่ายวิจัยใช้สมมติว่าค่า Ft จะลดลงเหลือ0.30บาท/หน่วย(เทียบเท่าค่าไฟ 4.08 บาท/หน่วย) (ปี2567 ค่าไฟเฉลี่ย 4.18 บาท/หน่วย) ปัจจุบันค่าไฟอยู่ที่ 4.18บาท/หน่วยและจะลดลงเหลือ4.15 บาท/หน่วยในงวด ม.ค.-เม.ย. 2568 ตามข่าว
**ปัจจัยบวก 2 ประการ
1#ได้ประโยชน์ระยะกลางถึงยาวจากกระแส AI Infrastructure ที่เร่งตัวขึ้นเพื่อใช้หลายอุตสาหกรรมทำให้AI Data Center (DC) มีความต้องการสูงขึ้น โดยหุ้นที่เราดูทั้งหมดเริ่มพูดถึง benefits จากกระแส DC ทั้งโอกาสขายไฟฟ้าและลงทุนร่วมใน DC
ฝ่ายวิจัยมองว่า GULF โดดเด่นสุดในเรื่องนี้จากการปรับตัวที่เร็วและพร้อมกว่า โดยคาดจะมี DC อย่างน้อย 100MW ภายใน 3 ปีตามด้วย BGRIM(คาดจะมีdemand ไฟฟ้าอย่างน้อย 300MW) และ GPSC โดยทั่วไปแล้ว DC ส่วนใหญ่จะมีIRR 15-25% กำไรที่ Bt10-15mn/MW แต่แลกมาด้วย CAPEX ที่สูงถึง Bt100-200mn/MW
2# ราคา SPP gas price คาดจะลดลงต้นปีหน้า หนุนให้กำไร 1H25F น่าจะออกมาดีจาก SPP margin ที่ขยายตัวขณะที่ค่าFt ยังลดลงไม่มาก ทำให้เป็นปัจจัยหนึ่งที่หนุนให้กำไรกลุ่มฯในปี 2568 เติบโตได้ 15% YoY นอกเหนือไปจากในเรื่องกำลังการผลิตใหม่ๆที่จะ COD เข้ามานำโดย GPSC, และ GULFเป็นหลัก ส่วนระยะสั้นเป็นเรื่องปกติที่ไตรมาส 4/67 กำไรกลุ่มฯจะอ่อนแอที่สุดของปีจากปัจจัยฤดูกาล