จนมุม! กองปราบบุกรวบมือปืนหลังหนีคดีมา 16 ปี แต่ผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธ

ตำรวจกองปราบบุกจับผู้ต้องหาคดีฆ่าผู้อื่นถึงแก่ความตาย หนีมากบดานที่เกาะสมุยนาน 16 ปี แต่ผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธ

เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2563 ตำรวจกองบังคับการปราบปราม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย พ.ต.อ.วิระชาญ ขุนไชยแก้ว ผกก.5 บก.ป. ได้สั่งการให้ ว่าที่ พ.ต.ต.ปิยะพร เรียนสุทธิ์ สว.กก.5 บก.ป. ร.ต.อ.วชิรเชษฐ์ อัครธีระพงศ์ รอง สว.กก.5 บก.ป. นำกำลังเข้าจับกุมนายชะเอม หรือเอม จันทร์เต็ง อายุ 46 ปี ภูมิลำเนาอำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี ผู้ต้องหาที่หลบหนีคดีมาเป็นเวลา 16 ปี ตามหมายจับของศาลจังหวัดชลบุรี ที่จ.613/2548 ลงวันที่ 20 มิถุนายน2548 ซึ่งได้กระทำความผิดฐาน ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา , พยายามฆ่าผู้อื่น , มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีใบอนุญาตให้พาอาวุธปืนติดตัว หรือมีเหตุเร่งด่วนสมควรแก่พฤติการณ์

ในการเข้าจับกุมครั้งนี้ ว่าที่ พ.ต.ต.ปิยะพร เรียนสุทธิ์ สว.กก.5 บก.ป. และชุดจับกุมได้สืบทราบว่านายชะเอม หรือเอม จันทร์เต็ง ผู้ต้องหาได้หนีคดีมาทำงานอยู่ที่อำเภอเกาะสมุย จึงได้ทำการสืบสวนจนทราบว่ามือปืนรายนี้พักอยู่บ้านเช่าแห่งหนึ่งในพื้นที่ ม.6 ตำบลบ่อผุด จึงได้ติดตามและจับกุมได้ขณะอยู่ในบ้านพักหลังดังกล่าว

ว่าที่ พ.ต.ต.ปิยะพร เรียนสุทธิ์ สว.กก.5 บก.ป. เปิดเผยว่า จากการสอบปากคำนายชะเอม หรือเอม จันทร์เต็ง ผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา แต่ให้การว่าก่อนหน้านี้ได้ประกอบอาชีพขายพวงมาลัยบริเวณแยกบ้านบึงพัฒนาหรือแยกเอ็ม16 ตำบลบ้านบึง อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี ต่อมาเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2547 ผู้ต้องหาได้นั่งดื่มเหล้ากับเพื่อนบริเวณบ้านเลขที่ 8 หมู่ที่ 1 ตำบลบ้านบึง อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี จนถึงเวลาประมาณ 20.00 น. นายสุพร จันทร์เต็ง พี่ชายได้มาบอกว่าหลานของตนเอง ถูกคู่อริทำร้ายร่างกาย ซึ่งที่เกิดเหตุอยู่ห่างจากบ้านตนะองประมาณ 60 กิโลเมตร

จากนั้นผู้ต้องหาพร้อมกับพี่ชาย และหลานชาย รวม 3 คนได้ไปพูดคุยให้คู่กรณีเพื่อให้ชดใช้ค่ารักษาพยาบาลและค่าทำขวัญ แต่เจรจาไม่เป็นผล ก่อนทางด้านฝ่ายผู้ต้องหาจะร่วมก้นก่อเหตุยิงคู่กรณีเสียชีวิตก่อนแยกย้ายกันหลบหนี และนายชะเอม หรือเอม จันทร์เต็ง ผู้ต้องหา มาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบจับกุมตัวได้ในครั้งนี้ โดยจะได้ส่งตัวให้พนักงานสอบสวน สภ.หนองใหญ่ จ.ชลบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป