✳️ จากสมรภูมิสู่ตลาดการค้า: เรื่องราวของประเทศเล็กกับการเปลี่ยนแนวนโยบายที่เขย่าเวทีภูมิภาค หนังสือ Battlefield to Marketplace เป็นงานศึกษาที่น่าสนใจยิ่งในโลกของนโยบายต่างประเทศ โดยเฉพาะในบริบทของประเทศไทยซึ่งถือเป็น “รัฐขนาดกลาง” ที่แม้จะไม่ได้มีอำนาจทัดเทียมมหาอำนาจ แต่ก็สามารถริเริ่มแนวนโยบายที่พลิกภาพรวมของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ ผู้เขียนนำเสนอกรณีศึกษาการเปลี่ยนผ่านนโยบายของไทยในช่วงปี 2531–2534 ที่นำโดย พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ จากนโยบายที่เคยขับเคี่ยวกับฝ่ายคอมมิวนิสต์ในอินโดจีน มาสู่การเสนอแนวคิดใหม่ว่า “ให้เปลี่ยนสมรภูมิอินโดจีนให้เป็นตลาดการค้า” (Turning Indochina from a Battlefield to a Marketplace) ซึ่งกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของภูมิรัฐศาสตร์ในภูมิภาค และยังกลายเป็นต้นแบบของการนำ “เศรษฐกิจมาแทนปืน” ในการแก้ปัญหาระหว่างประเทศ 🎯 สาระสำคัญและความโดดเด่นของหนังสือ หนังสือเล่มนี้ไม่เพียงบันทึกประวัติศาสตร์เชิงการเมืองระหว่างประเทศ แต่ยังเป็นงานวิจัยที่ผสมผสานระหว่าง “การเล่าเรื่อง” และ “การวิเคราะห์นโยบาย” อย่างมีชั้นเชิง โดยมีหัวใจหลักอยู่ที่คำว่า “Response” หรือ “ปฏิกิริยา” ที่เกิดขึ้นหลังจากการริเริ่มนโยบายใหม่ เพราะนโยบายใด ๆ ที่ถูกริเริ่มออกมานั้น ไม่จบแค่ที่โต๊ะประชุม หากแต่ต้องเผชิญกับ กระแสตอบรับจากทั้งในและต่างประเทศ ที่จะเป็นตัวกำหนดว่านโยบายจะ “เดินหน้า” หรือ “ถูกต้านจนล้มเหลว” 🔎 การเปลี่ยนแนวทางนโยบายจากภายใน จุดเริ่มต้นของหนังสือคือการวิเคราะห์ “การตัดสินใจทางนโยบาย” ซึ่งในกรณีนี้เกิดขึ้นในวงแคบภายใต้การนำของพล.อ.ชาติชาย ร่วมกับทีมที่ปรึกษาและผู้นำทางทหารบางกลุ่ม ซึ่งถือเป็นแนวทางที่ต่างจากนโยบายแบบเดิมของไทยที่นิยม “ไผ่ลู่ลม” หรือ “Bamboo Diplomacy” ซึ่งปรับตัวไปตามกระแสความเปลี่ยนแปลง การที่ชาติชายเลือกทำในสิ่งตรงข้าม — นั่นคือ “ริเริ่มนโยบาย” แทนที่จะ “ตอบสนอง” ต่อสถานการณ์ — จึงกลายเป็นความกล้าหาญเชิงยุทธศาสตร์ที่ท้าทายประวัติศาสตร์การทูตไทยอย่างมาก 🌐 ความแตกต่างของรัฐเล็กและรัฐใหญ่ในเวทีโลก อีกหนึ่งจุดแข็งของหนังสือเล่มนี้คือการวิเคราะห์ “ข้อจำกัดของรัฐขนาดเล็ก” (lesser power) เช่น ประเทศไทย ในการเปลี่ยนนโยบายที่กระทบต่อ “มหาอำนาจ” หรือประเทศที่มีบทบาทหลักในภูมิภาค ไม่ว่าจะเป็น จีน, สหรัฐฯ, เวียดนาม, หรือแม้แต่ในกลุ่มประเทศ อาเซียน เอง ผู้เขียนเน้นย้ำว่าการเปลี่ยนนโยบายใหญ่ระดับนี้ มักเป็นเรื่องของมหาอำนาจ แต่กรณีของชาติชายแสดงให้เห็นว่า หากมีจังหวะและกลยุทธ์ที่เหมาะสม แม้รัฐเล็กก็สามารถริเริ่มสิ่งใหม่ที่สะเทือนได้ 🧠 ความสำคัญของ “การตอบสนอง” ต่อการเปลี่ยนแปลง หัวใจของหนังสืออยู่ที่คำว่า “การตอบสนอง (responses)” ซึ่งหมายถึงปฏิกิริยาของผู้เล่นหลักที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น: กลุ่มประเทศ ASEAN เช่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ฯลฯ มหาอำนาจอย่างจีนและสหรัฐฯ ภาคการเมืองและราชการในประเทศไทยเอง คู่ขัดแย้งหลักอย่างกัมพูชาและเวียดนาม การเปลี่ยนแปลงนโยบายที่ขาดความเข้าใจหรือฉันทามติจากกลุ่มเหล่านี้ ทำให้เกิดปัญหา เช่น การต่อต้านเบื้องหลัง ความไม่ไว้ใจ หรือแม้แต่ “การแอบไม่ร่วมมือ” หนังสือเล่มนี้เสนอว่าผลลัพธ์ของนโยบาย ไม่ได้ขึ้นอยู่กับแนวคิดเท่านั้น แต่ขึ้นกับว่า “ใครเห็นด้วย ใครค้าน ใครเฉย และใครลงมือจริง” 🏛️ การเมืองภายในกับการเมืองระหว่างประเทศ: ขัดแย้งหรือสอดคล้อง? อีกประเด็นสำคัญคือ “ความขัดแย้งภายใน” เช่น ข้าราชการประจำ (เช่น กระทรวงการต่างประเทศ), กองทัพ, นักการเมือง และภาคธุรกิจ ล้วนมีมุมมองที่แตกต่างกันต่อแนวนโยบายใหม่ บางฝ่ายเห็นว่านโยบายนี้เป็นแนวทางใหม่ที่กล้าหาญ บางฝ่ายกลับมองว่าเสี่ยง และขัดต่อผลประโยชน์ที่สะสมมายาวนาน สิ่งนี้ทำให้กระบวนการ “implementation” หรือการนำไปปฏิบัติ เต็มไปด้วยอุปสรรค แม้ว่าจะไม่มีใครต่อต้านอย่างเปิดเผย แต่ก็มี “ความเงียบแบบไม่ให้ความร่วมมือ” เกิดขึ้นในหลายระดับ ⚖️ ความท้าทายระหว่างอุดมการณ์กับผลประโยชน์ ชาติชายเสนอวิธีมองใหม่ว่า “การค้า = สันติภาพ” ซึ่งเป็นแนวคิดที่มองโลกในแง่บวกและทันสมัยมากในยุคนั้น แต่ในทางปฏิบัติ มันต้องต่อสู้กับความไม่ไว้วางใจ, ความทรงจำในอดีต, และแนวคิดแบบทหารที่ฝังรากลึก อินโดนีเซียในฐานะผู้นำอาเซียนเดิม เองก็มองว่าไทยกำลัง “แย่งบทบาท” โดยเฉพาะเมื่อนโยบายนี้ถูกนำเสนอโดยไม่ปรึกษาเพื่อนบ้าน 💬 ข้อสรุปเชิงวิเคราะห์ของผู้เขียน ผู้เขียนเสนอข้อคิดสำคัญว่า การเปลี่ยนนโยบายระดับใหญ่นั้น ไม่ควรตัดสินแค่ที่ตัวนโยบายเอง แต่ต้องประเมิน กระบวนการนำไปปฏิบัติ และ ผลสะท้อนจากผู้เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะในกรณีของ “รัฐเล็ก” ซึ่งไม่ได้มีอำนาจนำบนเวทีโลก การเปลี่ยนอะไรที่ “ใหญ่เกินตัว” อาจนำมาซึ่งความกดดันหรือแรงต้านได้มากกว่าที่คิด แต่หากมี “จังหวะที่ใช่” และผู้นำที่มีความมั่นใจ–มีฐานอำนาจในประเทศ–และกล้าตัดสินใจโดยประเมินแนวโน้มระดับภูมิภาคได้อย่างแม่นยำ ก็อาจพลิกสมดุลของทั้งภูมิภาคได้ 📌 ข้อดีของหนังสือ ✅ วิเคราะห์เจาะลึกด้วยมุมมองใหม่ ✅ นำเสนอความสัมพันธ์ไทย-อาเซียน-จีน-สหรัฐฯ อย่างเป็นระบบ ✅ เข้าใจการเมืองระหว่างประเทศผ่าน “มิติของการปฏิบัติจริง” ไม่ใช่แค่ทฤษฎี ✅ ให้บทเรียนว่า “ผู้นำเล็ก ๆ ที่กล้าคิดต่าง ก็สามารถเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ได้” Battlefield to Marketplace ไม่ใช่แค่หนังสือวิชาการ แต่คือ “กระจกสะท้อนการเมืองของรัฐขนาดเล็กที่กล้าริเริ่ม” โดยเฉพาะในบริบทที่ทุกสายตาจับจ้อง และในขณะที่ภูมิภาคยังไม่พร้อมเปลี่ยนตาม หากคุณสนใจเข้าใจโลกของการต่างประเทศอย่างลึกซึ้ง และอยากเรียนรู้ว่าประเทศไทยเคยมีบทบาทสร้างแรงกระเพื่อมในอาเซียนอย่างไร — หนังสือเล่มนี้จะตอบทุกคำถาม และเปิดมุมมองใหม่ที่คุณอาจไม่เคยเห็นมาก่อน สามารถหายืมหนังสืออ่านได้ที่ หอสมุดกรุงเทพมหานครค่ะ เครดิตภาพถ่าย : ถ่ายเองจากมือถือทุกภาพค่ะ ขอให้ทุกคนมีวันที่ดี ขอบคุณค่ะ :)) เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !