สวัสดีครับ วันนี้ผมจะพาเพื่อน ๆ ไปเยี่ยมชม พิพิธภัณฑ์การเกษตรเฉลิมพระเกียรติฯ ตามรอยวิถีเกษตรของในหลวง รัชกาลที่ 9 ซึ่งอยู่ในอำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานีนี่เอง เมื่อเข้ามาด้านในของโซนกลางแจ้ง จะพบกับพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชติดไว้บริเวณทางเข้า พร้อมกับคำที่ท่านเคยสอนไว้ที่นี่มีสองโซนหลัก ๆ ครับ ซึ่งก็จะมีโซน "พิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง" ซึ่งเป็นฐานเรียนรู้การทำการเกษตรต่าง ๆ และ "พิพิธภัณฑ์ในอาคาร"เป็นการนำเสนอพระอัจฉริยภาพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ด้านการเกษตรและวิถีเกษตรไทยผ่านสื่อผสมผสานที่ทันสมัยภาพบ้านที่ใช้วัสดุจากดินในการสร้าง โดยวัสดุทั้งหมดที่ทำบ้านนั้น ทำมาจากธรรมชาติ เช่นดินเหนียว เศษฟาง เศษไม้ เมื่อนำส่วนผสมทั้งหมดมารวมกัน แล้วปั้นเป็นลงบนโครงสร้างที่เป็นไม้แล้ว ดินจะเกาะตัวกันเป็นผนังที่แข็งแรงและทนทานพอ ๆ กับผนังปูนเลยทีเดียวภาพจักรยานสูบน้ำ ที่ใช้พลังงานจากการปั่นเพื่อให้มอเตอร์ของตัวสูบน้ำทำงาน แล้วน้ำที่สูบมาแล้วสามารถนำไปใช้อุปโภคได้อีกด้วย โดยได้ทั้งการออกกำลังกาย และน้ำไว้ใช้รดน้ำต้นไม้ในเวลาเดียวกันสำหรับโซนกลางแจ้งนั้น จะมีหลายโซนย่อย บนพื้นที่กว่า 300 ไร่ ซึ่งทุกวันเสาร์-อาทิตย์แรกของทุกเดือน จะมีการจัดนิทรรศการนอกตัวอาคาร และมีตลาดนัดเกษตร มีสินค้าที่เป็นผลผลิตทางการเกษตรมากมาย มาจำหน่ายในราคาถูกอีกด้วยภาพเตรียมถุงผ้าลดโลกร้อนพร้อมแล้วครับ เนื่องจากวันนี้มีตลาดนัดของชาวบ้าน และเพื่อลดปัญหาจากขยะพลาสติก พวกเราจึงเตรียมถุงผ้ามาจากบ้าน แล้วไปจับจ่ายใช้สอยกันได้อย่างสบายใจเลยภาพคุณลุงที่เป็นถึงเกษตรกรตัวอย่าง มานั่งสอนการขยายพันธุ์พืชแบบง่าย ๆ สามารถทำได้ด้วยตัวเองที่บ้าน ไม่ว่าจะเป็นการตอนกิ่ง ต่อกิ่ง ทาบกิ่ง ให้คนที่ยังไม่ทราบหรือไม่ชำนาญฟรี ๆ ไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆภาพผักไร้สารพิษที่ผู้เข้าชมงานสามารถร่วมปลูกเองได้ โดยใช้แปลงสาธิตจากวัสดุธรรมชาติ ที่สามารถย่อยสลายเองได้ โดยเวลาปลูกก็แสนจะง่ายดาย และที่สำคัญ สามารถนำผักที่ปลูกแล้ว กลับไปเลี้ยงที่บ้านได้อีกด้วยภาพแปลงปลูกผักอย่างง่าย ทำจากไม้ไผ่ ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไป โดยความพิเศษของแปลงแบบนี้คือ เมื่อรดน้ำแล้วที่ชั้นบน น้ำจะไหลลงไปที่ชั้นล่างด้วย ทำให้ผักได้น้ำอย่างทั่วถึง โดยใช้เวลารดน้ำแค่ครั้งเดียว ภาพวิธีการเลี้ยงไหม โดยจะมีเกษตรกรที่เลี้ยงไหมจากหลาย ๆ จังหวัดมารวมตัวกัน เพื่อถ่ายทอดวิชาการปลูกหม่อน เลี้ยงไหมให้กับผู้ที่สนใจ ซึ่งจะบอกตั้งแต่ขั้นตอนแรก จนได้ผ้าไหมออกมาเลยภาพคุณลุงสาวไหมให้ดู ซึ่งวิธีการนั้นอาจจะดูเหมือนยุ่งยาก แต่เมื่อได้ทดลองทำแล้ว มันกลับรู้สึกว่าง่ายมาก ๆ แค่เข้าใจกระบวนการ ว่าทำไมรังไหมถึงให้ใยไหมได้ เมื่อลองทำดูก็รู้ว่าไม่ยากเลยนอกจากมีการแนะนำวิธีการทำเกษตรแบบพอเพียงแล้ว ยังมีตัวอย่างของการปลูกพืชผักชนิดต่าง ๆ โดยการใช้อุปกรณ์เหลือใช้ หรือของง่าย ๆ มาเป็นพื้นที่ปลูกผักทานเอง ซึ่งเด็ก ๆ สามารถลงมือทำเองได้อีกด้วยภาพต้นวอเตอร์เครสที่ปลูกจากท่อ PVC ที่ใช้พื้นที่น้อย แต่สามารถให้ผลผลิตที่สูงมาก โดยเกษตรกรจะใช้ท่อ PVC ขนาดใหญ่ แล้วเจาะรูรอบ ๆ ท่อไว้ หลังจากนั้นก็นำดินไปใส่ และนำกิ่งวอเตอร์เครสมาปักลงไปในรู ต้นวอเตอร์เครสก็จะแตกยอดออกมามากมาย โดยสามารถปลูกในพื้นที่แคบ ๆ ได้ และเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ง่ายอีกด้วยภาพในส่วนของสมุนไพรไทย ก็จะมีพี่ ๆ เจ้าหน้าที่คอยให้คำแนะนำถึงสรรพคุณทางยาอีกด้วยครับ โดยที่นำมาเป็นตัวอย่างแค่บางส่วนของสมุนไพรไทยทั้งหมด ซึ่งวิธีการเก็บรักษาก็ทำได้ง่ายดาย แต่พืชบางชนิดที่เราอาจจะมองว่าไร้ประโยชน์ แต่กลับมีประโยชน์ทางยาอย่างมากมายเป็นอย่างไรบ้างครับ สำหรับการเรียนรู้ด้านเกษตรที่นำมาเสนอในวันนี้ ถ้าใครสนใจจะลองแวะไปเยี่ยมชมสักครั้ง ที่นี่เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีเลยครับ ทั้งได้ความรู้ และได้ความสุขด้วย สำหรับการเดินทางนะครับที่อยู่ : ถนนพหลโยธิน (ตรงข้ามโรงพยาบาลการุญเวช นวนคร) ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานีแผนที่ : https://goo.gl/maps/9Fu3p8pY1RTLjspw7อัตราค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 50 บาท เด็ก 30 บาท (โซนในอาคาร ต่อ หนึ่งอาคาร) และ ด้านนอกอาคาร ฟรีเวลาเปิด-ปิด : เวลา 09.00-16.00 น. (ยกเว้นวันจันทร์และวันหยุดนักขัตฤกษ์)เบอร์โทรศัพท์ : 02 529 2212เว็บไซต์ : www.wisdomking.or.th นอกจากได้เรียนรู้แล้ว ยังมีกิจกรรมแจกของรางวัลอีกมากมายให้เล่นด้วยนะครับ ซึ่งวันที่ผมไปนั้นก็มีกิจกรรมแจกต้นข้าวหอมมะลิมาให้ทดลองปลูกที่บ้านด้วย ซึ่งหลังจากนำมาแล้วก็ลองปลูกจนได้ผลผลิตจริง ๆ ด้วยครับ ความสุขทางกาย ไปพร้อมกับความสุขทางใจ