รีเซต

กัมพูชาขู่ปิดด่านชายแดน ใครเสียประโยชน์มากที่สุด?

กัมพูชาขู่ปิดด่านชายแดน ใครเสียประโยชน์มากที่สุด?
TNN ช่อง16
17 มิถุนายน 2568 ( 10:00 )
30

คำขู่จากกัมพูชากับแรงกดดันใหม่ที่ชายแดนไทย

คำขาดของสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ที่เรียกร้องให้ไทยเปิดด่านชายแดนทั้งหมดภายใน 24 ชั่วโมง มิฉะนั้นจะมีมาตรการตอบโต้โดยการปิดด่านทุกแห่งและระงับการนำเข้าสินค้าจากไทย เป็นจุดเริ่มต้นของความกังวลรอบใหม่ต่อระบบเศรษฐกิจชายแดนและความมั่นคงในภูมิภาค

การขู่ปิดด่านและแบนสินค้า ไม่เพียงมีนัยทางการเมือง แต่ยังเป็นแรงสั่นสะเทือนโดยตรงต่อกลุ่มแรงงาน ผู้ประกอบการ ชุมชนชายแดน และห่วงโซ่อุตสาหกรรมที่เชื่อมโยงกันมายาวนาน

มูลค่าการค้าชายแดน และบทบาทของด่านหลัก

จากข้อมูลของกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ การค้าชายแดนไทย–กัมพูชาในปี 2567 มีมูลค่ารวม 175,530 ล้านบาท โดยการส่งออกจากไทยอยู่ที่ 141,846 ล้านบาท และนำเข้าจากกัมพูชา 32,684 ล้านบาท

ด่านชายแดนที่มีบทบาทสำคัญมากที่สุด ได้แก่

 • อรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว 63.4%

 • คลองใหญ่ จังหวัดตราด 16.8%

 • ด่านในจังหวัดจันทบุรี 15.3%

รวมกันแล้ว 3 ด่านนี้ครองสัดส่วนกว่า 95.5% ของการค้าชายแดนทั้งหมด หากปิดพร้อมกัน การค้าจะหยุดชะงักเกือบทั้งระบบ หรือคิดเป็น 90% ตามการประเมินของกระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ความเสียหายทางเศรษฐกิจที่ประเมินไว้ล่วงหน้า

มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยประเมินว่า หากเกิดกรณีปิดด่านชายแดนแบบสมบูรณ์ 100% มูลค่าการค้าชายแดนที่สูญเสียจะอยู่ที่ประมาณ 10,000 ล้านบาทต่อเดือน ความเสียหายนี้ไม่ใช่แค่ตัวเลขในเชิงสถิติ แต่หมายถึงรายได้ที่หายไปของเกษตรกร คนขับรถขนส่ง ผู้ค้ารายย่อย และธุรกิจท้องถิ่นจำนวนมาก

สินค้าที่ส่งออกหลัก เช่น ทุเรียน มังคุด เงาะ เครื่องดื่ม เครื่องจักรกลทางการเกษตร รวมถึงชิ้นส่วนอุตสาหกรรม จะหยุดนิ่งในทันที หากไม่มีช่องทางอื่นทดแทนได้ในระยะสั้น ขณะที่ผู้ส่งออกจะต้องแบกรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากการเปลี่ยนเส้นทางการขนส่ง

แรงงานและชุมชนชายแดนคือกลุ่มเปราะบาง

แรงงานกัมพูชาที่ทำงานในไทยมีจำนวนหลายแสนคน ส่วนใหญ่ทำงานในภาคเกษตร อุตสาหกรรมเบา และบริการ หากเกิดการดึงกลับประเทศจะส่งผลกระทบทั้งสองฝั่ง ฝั่งไทยจะประสบปัญหาขาดแคลนแรงงานทันที ขณะที่แรงงานกัมพูชาจะต้องเผชิญกับปัญหาการว่างงานและขาดรายได้

ชุมชนชายแดนที่พึ่งพาด่านในชีวิตประจำวัน เช่น การเดินทางไปโรงพยาบาล การทำธุรกรรมรายวัน หรือแม้แต่การไปเยี่ยมญาติข้ามประเทศ จะถูกจำกัดอย่างกะทันหัน ส่งผลให้คุณภาพชีวิตถดถอยในช่วงเวลาสั้นๆ โดยไม่สามารถปรับตัวทันได้

ความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนที่ต้องจับตา

การปิดด่านมักมาพร้อมกับการเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยและการตรึงกำลัง ซึ่งอาจสร้างความกดดันในพื้นที่โดยเฉพาะจุดที่มีข้อพิพาทชายแดน การเพิ่มระดับความตึงเครียดโดยปราศจากช่องทางเจรจา อาจเพิ่มโอกาสการเกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์

นอกจากนี้ ช่องทางธรรมชาติหรือเส้นทางลักลอบอาจกลายเป็นเป้าหมายของเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ไม่ว่าจะเป็นการลักลอบขนยาเสพติด ค้ามนุษย์ หรือกลุ่มสแกมเมอร์ข้ามชาติที่ใช้ช่องว่างทางกฎหมายในการเคลื่อนย้ายกำลังคนและทรัพย์สิน

ทางออกและแนวโน้มจากฝั่งไทย

แม้จะเผชิญคำขู่ระดับสูงจากฝั่งกัมพูชา แต่ฝ่ายไทยยังคงใช้กลไกการทูตอย่างระมัดระวัง โดยยืนยันว่าจะใช้เวทีคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) เป็นช่องทางหลักในการแก้ไขปัญหาอย่างสันติ

ไทยยังย้ำว่ามาตรการใด ๆ ที่ใช้ตอบโต้จะอยู่ในระดับรัฐต่อรัฐ โดยไม่พาดพิงหรือก่อให้เกิดความเสียหายต่อประชาชนของทั้งสองประเทศ

สรุปภาพรวม ใครเสียประโยชน์มากที่สุด?

 • ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะธุรกิจส่งออกผลไม้ อุตสาหกรรมการผลิต และโลจิสติกส์

 • แรงงานกัมพูชาในไทย ที่อาจถูกเรียกตัวกลับทันที

 • ประชาชนตามแนวชายแดน ที่มีวิถีชีวิตพึ่งพาการข้ามแดน

 • ระบบเศรษฐกิจท้องถิ่น ที่สูญเสียมูลค่าหมุนเวียนรายวัน

 • เสถียรภาพการลงทุน ที่อาจถูกมองว่าขาดความแน่นอน

ภายใต้สถานการณ์ที่กำลังพัฒนา การรักษาช่องทางการเจรจาและหลีกเลี่ยงความตึงเครียดทางสื่อและโซเชียลมีเดีย คือเงื่อนไขสำคัญที่ทั้งสองประเทศต้องระวัง เพื่อหลีกเลี่ยงการนำความขัดแย้งสู่ระดับที่ไม่อาจควบคุมได้ในระยะยาว

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง