ในชีวิตวันๆนึงนับตั้งแต่ตื่นนอนไปจนกระทั่งเข้านอนนั้นจะมีเวลาราวๆ 16 ชั่วโมง ซึ่งต้องเจออะไรมากมายทั้งดีและไม่ดี ถ้าได้เจอเรื่องที่ดีตลอดทั้งวัน วันนั้นก็เป็นวันที่มีความสุข แต่ในความเป็นจริงแล้ววันนึงนั้นเราก็ต้องเจอเรื่องไม่ดีเข้ามาด้วย ไม่มากก็น้อยที่จะเกิดขึ้น และคงมีบ่อยครั้งที่ต้องนอนหลับไปพร้อมกับสิ่งไม่ดีนั้นที่เข้ามาในแต่ละวัน ถ้าวันไหนมีเรื่องที่หนักหนาก็จะกระทบจนนอนไม่หลับ หลับไม่สนิท แล้วตื่นมาพร้อมกับความเพลีย หากสะสมมากเข้าก็คงจะยิ่งกระทบมากขึ้นไปอีก มีวิธีนึงที่ช่วยบรรเทาให้เรื่องไม่ดีเหล่านี้จางลงไปบ้าง นั่นคือ ค้นหาและตอบตัวเองว่าแต่ละวันที่ผ่านมาตั้งแต่ตื่นจนจะนอนนั้น มีอะไรบ้าง หรือ ที่ภาษาอังกฤษจะเรียกว่าการเขียน Journal โดยเขียนสั้นๆเพียง 3 ข้อเท่านั้นก่อนจะเข้าในรายละเอียด ตัวผมขอบอกไว้ก่อนว่าการเขียน Journal นี้นั้น แต่ละคนจะเขียนยังไงก็ได้ เพราะสิ่งนี้จะเป็นเหมือนสมุดกาลเวลาของเราเอง ที่เก็บไว้อ่านเองเพียงคนเดียว จึงไม่จำเป็นต้องมีความเกรงใจใคร เพียงแต่ขอให้เขียนด้วยความสัตย์จริงที่ไม่หลอกตัวเอง ปล่อยไปตามอารมณ์ของแต่ละคนในวันนั้นๆได้เลย เพื่อให้สิ่งที่อัดอั้นนั้นบรรเทาออกมาให้ได้มากที่สุดมาที่ข้อแรก คือ เรื่องที่ไม่ดี Bad Thing จะเป็นอะไรก็ได้ที่วันนี้ รู้สึกแย่ที่สุดกับมัน จะเป็นเรื่องส่วนตัว หรือ เรื่องงาน จะเป็นเรื่องจริงจัง หรือ เรื่องบ้าบอ ก็ได้หมด แต่เป็นเรื่องที่คุณเองคิดว่ามันคือไม่ดีเอาซะเลยในวันนี้ บางวันที่เจอเรื่องหนักๆเช่นหัวหน้าเรียกไปสวด รู้สึกแย่มากเลย หรือ บางวันที่เบาๆ แค่กินข้าวไม่อร่อย ไม่น่ากินร้านนี้เลย ก็เขียนลงมาได้หมด ไม่ต้องกังวลว่าเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ ขอแค่ว่ามันแย่กับคุณจริงๆก็พอข้อที่สอง คือ เรื่องที่ดี Good Thing เป็นด้านกลับกันของเรื่องไม่ดี จะเป็นอะไรก็ได้ที่รู้สึกดีกับมันที่สุด จะดูเพ้อๆแบบว่าเจอคนคนนึงถูกชะตาดีแต่ก็ไม่ได้ทักไป หรือ วันนี้ได้พาคุณยายข้ามถนน หรือ วันนี้ดีใจจังรถจอดให้ข้ามทางม้าลาย ไม่เจอรถที่เร่งผ่านเลย หรือว่า หัวหน้าเรียกไปคุยว่ามีโปรเจคใหม่ให้ลอง รู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ทำมัน ก็คือเขียนได้เลยไม่ต้องคิดว่ามันไร้สาระหรือไม่ ขอแค่มันรู้สึกดีกับคุณที่สุดก็พอข้อที่สาม Tomorrow Purpose ก็คือ พรุ่งนี้มีอะไรที่อยากทำที่สุดหรือตั้งใจจะทำอะไรให้ดีที่สุด ข้อนี้ก็กว้างๆเช่นกัน ไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องงาน สามารถเป็นเรื่องส่วนตัวได้ กฏเกณฑ์เดียวกับข้อหนึ่งและสองเลยที่ จะเป็นเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ เรื่องมีสาระหรือเรื่องไร้สาระ ขอให้เป็นอะไรที่คุณเองคิดว่าอยากทำมากที่สุดเท่านั้นพอแต่ละข้อ ผมแนะนำให้เขียนอย่างละข้อเท่านั้น หรือ เต็มที่อยากจะเขียนอีกก็ขอเพียงสองข้อเท่านั้น ถ้าคิดมากหลายข้อนั้นจะให้ผลเสียกว่าเดิมคือต้องมาคิดฟุ้งมากไปจนกลายเป็นทำให้จิตตกหนักกว่าเดิม เพราะว่าจุดประสงค์ของการเขียน Self Reflection Journal นี้จะเป็นการที่ให้ผู้เขียนได้ทบทวนตัวเองอย่างช้าๆว่า วันนี้ผ่านอะไรมาบ้าง ตั้งแต่ตื่นนอนไปจนกระทั่งเข้านอน เหตุการณ์บางอย่างที่เจอในวัน ตอนเจอ ณ เดี๋ยวนั้นอาจจะเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบก็ได้ ไม่ได้ใหญ่โตอะไร ความยาวของแต่ละข้อก็พอกระชับๆ อาจจะ 2-5 บรรทัดสมุดก็น่าจะพอประเด็นที่สำคัญอีกประเด็นของการเขียน คือ ต้องเขียนเรื่องไม่ดี เป็นข้อแรกก่อนเลย แล้วตามด้วยเรื่องที่ดี เหตุผลที่ต้องเอาเรื่องไม่ดีแย่ๆออกมาก่อน เพราะขั้นตอนนี้จะส่งผลดีกับความรู้สึกคุณเองมากกว่าการเขียนเรื่องไม่ดีไว้ทีหลัง ก็คงเหมือนล้างแผลแล้วติดพลาสเตอร์ยาทำนองนั้น ลองนึกภาพตามว่าคุณเขียนเรื่องดีก่อนแล้วตามด้วยเรื่องไม่ดี อารมณ์จากนั้นก็จะค้างคากับเรื่องไม่ดี หรือ อาจจะจมหนักกว่าเดิมเสียอีก ส่วนข้อสุดท้าย คือ พรุ่งนี้มีอะไรที่อยากทำ จะเป็นการหลับไปพร้อมสิ่งที่คุณเองตั้งใจอยากทำ ก็เหมือนเป็นการประคบแผลซ้ำอีกทีหลังติดพลาสเตอร์ยาสุดท้ายแล้วเรื่องเวลาที่เหมาะสมกับการเขียน ผมแนะนำว่าเขียนก่อนจะไปนอนจะเป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุด แบบว่าเขียนเสร็จแล้วก็ปิดสมุดปิดไฟเตรียมนอนได้เลย เพราะหลังจากเราเขียนเสร็จ กระบวนต่างๆนี้มันเหมือนเคลียสมองเราให้โล่ง ช่วยให้เข้านอนได้อย่างง่ายขึ้น ไม่นำพาอะไรไปคิดบนเตียงก่อนหลับตา ถ้าใครจะเล่นมือถือก่อนนอนก็ไม่ว่ากัน เล่นให้พอเล่นให้ครบก่อน แล้วมาเขียนสมุดปิดท้าย ขอให้กิจกรรมนี้เป็นสิ่งสุดท้ายก่อนนอนสรุปประเด็นสำคัญการเก็บเรื่องที่ค้างคาใจไว้แล้วล้มตัวลงนอนนั้นไม่ดีกับการนอนการเขียน Self-Reflection Journal เป็นสิ่งที่ช่วยบรรเทาสิ่งค้างคาใจได้เขียน 3 ข้อตามลำดับ คือ เรื่องไม่ดีที่สุดในวันนี้ , เรื่องดีที่สุดในวันนี้ และ สิ่งที่อยากทำในวันพรุ่งนี้เขียนอะไรลงไปก็ได้ทั้งเรื่องส่วนตัวหรือเรื่องงานทำเป็นสิ่งสุดท้ายก่อนเข้านอนหวังว่า Thing นี้ จะมีประโยชน์ต่อคุณผู้อ่าน ขอบคุณที่ตามอ่านครับ____________________ขอบคุณภาพและผลงานต่างๆ ไว้ ณ ที่นี้ด้วยภาพปก : โดย Med Ahabchane จาก Pixabayภาพที่ 1 : โดย Gino Crescoli จาก Pixabayภาพที่ 2 : โดย Gino Crescoli จาก Pixabayภาพที่ 3 : โดย Mohamed Hassan จาก Pixabayภาพที่ 4 : ภาพถ่ายโดยผู้เขียน เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !