ขอเกริ่นก่อนนะคะ สิ่งที่เราเรียนคือ หลักสูตร สาธารณสุขศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาทันตสาธารณสุข เรียน 4 ปี ซึ่งเราเป็น #dek64 ตอนนี้จบปี 2 แล้ว กำลังจะขึ้นปี 3 จะมารีวิวประสบการณ์จากการเรียนสาขานี้ ที่ วสส.ตรัง กันค่ะ ปี 1 (วิชาพื้นฐาน) เทอมแรก จะเรียนในวิชาพื้นฐานเป็นส่วนใหญ่ เช่นภาษาไทยเชิงวิชาการ เรียนเกี่ยวการเขียน เช่น หนังสือราชการ การพูด การตีความ ในเชิงวิชาการทั้งหมดอังกฤษเชิงวิชาการ ก็คล้ายไทยวิชาการนี่แหละ แต่ยากกว่าเพราะเป็นอังกฤษ ส่วนตัวมองว่าวิชานี้แหละยากสุดอังกฤษเพื่อการสื่อสาร ก็ตามชื่อ เน้นสื่อสาร ได้เรียนกับอาจารย์ต่างชาติด้วย ส่วนตัวสนุกกับวิชานี้ ถึงเราจะพูดอังกฤษแบบงูๆปลาๆก็ตามวิชาเราคือ สบช. ทุกคนในสถาบันนี้ต้องเรียน เรียนเกี่ยวกับสถาบัน ปลูกฝังอัตลักษณ์บัณฑิต ผู้ประกอบการในยุคดิจิทัล เรียนเกี่ยวกับการวิเคราะห์ เริ่มต้นธุรกิจ ฝึกเป็นผู้ประกอบการ เหมาะมากกับยุคนี้ เทอมสอง เริ่มเข้าสู่วิชาชีพ เรียนวิชาที่เกี่ยวกับสาธารณสุขมากขึ้นกายวิภาคศาสตร์ เรียนโครงสร้างร่างกายของมนุษย์ทุกส่วน สิ่งที่ยากของวิชานี้ก็คือแล็บกริ๊ง(มีภาพให้ จับเวลาในการตอบ) ใครจำไม่แม่นไม่เป๊ะ อาจตุยได้จุลชีวและปรสิตวิทยา เรียนเกี่ยวกับเชื้อต่างๆ เชื้อตัวใดก่อโรคอะไร ประมาณนี้ ส่วนตัวมองว่ายากกว่ากายวิภาคเพราะชื่อแต่ละตัวจำยากมากกกกก ที่สำคัญมีแล็บกริ๊งเช่นกันวิทย์ประยุกต์ ใช้ความรู้ ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ ม.ปลาย มาประยุกต์ใช้ในงานสาธารณสุขวิทย์-คณิต ในชีวิตประจำวัน เรียนเรื่องที่ใช้ในชีวิตประจำวันจริงๆ อย่างค่าน้ำ ค่าไฟ ดอกเบี้ย กองทุนต่างๆ มีประโยชน์ใช้ได้ได้ชีวิตจริงแน่นอนนวัตกรรมสาธารณสุข ต้องทำนวัตกรรมจริงๆ เป็นงานกลุ่ม มีพรีเซนต์ต่อหน้าคณะอาจารย์หลายท่าน ถามอะไรต้องตอบได้ อาจารย์บางท่านkill โหดมากกกก ถือเป็นวิชาสุดหินในเทอมนี้ เปรียบเสมือนน้องของวิจัยเลยก็ว่าได้เรื่องเรียนอาจจะไม่มีรูปเพราะเรียนออนไลน์ทั้งปี แล็บทุกอย่างเป็นแล็บแห้ง เสียดายมากกก ปิดเทอม มีฝึกงานที่รพ.สต.ประมาณ 1 เดือน ยังไม่ได้ทำอะไรเจาะจงมาก เป็นงานเอกสาร ลงโรงเรียน เข้าไป observe ในห้องทำฟันบ้าง เรียนรู้เครื่องมือต่างๆ พี่ๆเขาก็ใจดีเป็นกันเองมาก (โดยรวมเป็นการศึกษาดูงานมากกว่า เพราะความรู้ในวิชาชีพยังน้อยมาก เป็นน้องใหม่ในวงการเลยก็ว่าได้ )ปี 2 (เข้าสู่วิชาชีพ) เทอมแรก ทันตกายวิภาคศาสตร์ เรียนเกี่ยวกับรูปร่าง ลักษณะของฟันแต่ละซี่ การเรียกชื่อฟัน ต้องวาดรูปฟัน และมีปฏิบัติการขึ้นรูปฟันด้วยขี้ผึ้ง เรียกง่ายๆว่า waxing สิ่งที่ได้เจอคือแก้แวกซิ่งล้านรอบ ตอบคำถามต้องเป๊ะ วิชานี้มีแล็บกริ๊งด้วยเหมือนกัน จบวิชานี้คือหยิบฟันขึ้นมาแต่ละซี่ ต้องบอกได้ว่าเป็นซี่ที่เท่าไหร่ ส่วนตัวจัดให้วิชานี้ยากน้อยสุดในหมวดทันตกรรม ยากก็ตอนแก้waxing นี่แหละ ใครถนัดงานฝีมือ คงชอบวิชานี้..... มั้งนะทันตกรรมป้องกัน เรียนเกี่ยวกับการป้องกันโรคต่างๆในช่องปาก เช่น เคลือบหลุมร่องฟัน เคลือบฟลูออไรด์ ขูดหินปูน มีฝึกฏิบัติ ความยากจัดให้เป็นวิชากลางๆในหมวดทันตกรรมทันตพิเคราะห์โรค เรียนเกี่ยวกับโรคต่างๆในช่องปาก ไปจนถึงการวินิจฉัยเพื่อให้การรักษาหรือส่งต่อ ส่วนตัวยกให้ยากสุดเพราะเนื้อหาเยอะมากกกกก ไม่มีแล็บ งานน้อย สอบเกือบ 100% ยกให้เป็นวิชายากสุดในเทอมนี้โภชนศาสตร์ เรียนเกี่ยวอาหาร ได้จับกลุ่มทำอาหารตามช่วงวัยเองด้วย สายกินอยู่แล้วสนุกใหญ่พยาธิวิทยา เรียนเกี่ยวกับความผิดปกติในร่างกาย ซักประวัติ ไปจนถึงวินิจฉัย วิชานี้เนื้อหาเยอะมาก เรียนทุกระบบในร่างกาย และเจอข้อสอบเขียนเกือบหมด ส่วนตัวมองว่ายาก เทอมสอง ทันตกรรมหัตถการ เรียนเกี่ยวกับการอุดฟัน เรียนกรอฟัน อุดฟัน มีฝึกปฏิบัติ กรอฟันและอุดฟัน มีฟันปูน ฟันพลาสติก ฟันธรรมชาติ(ฟันจริง) ในฟันจริงเราจะนำฟันมาเรียงกันในบล็อกปูน ฟันพลาสติกใช้ฟันจากโมเดลฟัน ใส่ในหัวหุ่นเพื่อใช้ในการฝึกอุด สิ่งที่ต้องมีคือความอดทนทเพราะเราจะได้แก้งานล้านรอบ เป็นสิ่งที่มิอาจเลี่ยงได้ กว่างานจะผ่านว่าหนาว แต่ สอบปากเปล่าตัวต่อตัวกับอาจารย์หนาวกว่า ตอบอะไรไปต้องรู้จริง ห้ามแถเพราะจารย์แกดูออกทันตศัลยศาสตร์ หลักๆเรียนเกี่ยวกับการถอนฟัน การคำนวณและการฉีดยาชา โรคทางระบบ วิชานี้ไม่มีฝึกปฏิบัติ แต่เนื้อหาค่อนข้างเยอะ เนื้อหายากแต่ไม่มีแล็บเลยมองว่าไม่หนักเท่าหัตถการการปฐมพยาบาล เรียนหลายอย่างมาก CPR ,ทำแผล,พันผ้า และอื่นๆ วิชานี้ฝึกปฏิบัติเยอะมากชีวสถิติสาธารณสุข แน่นอนว่าเกี่ยวกับตัวเลข คำนวณจ๋าๆ งานเยอะมาก ส่วนตัวมองว่ายาก เพราะพื้นฐานเป็นคนไม่ชอบการคำนวณ ปล.ฟันธรรมชาติหรือฟันจริงที่นำมาฝึกปฏิบัติ เราต้องนำภาชนะไปขอฟันที่ถอนแล้วจาก รพ.หรือ คลินิก เอง ส่วนตัวขอไว้ตั้งแต่ตอนปี 1 แล้วกลับไปเอาอีกทีตอนจะใช้ตอนปี 2 ปี 3 (ลงชุมชน+เริ่มทำกับคนจริงๆ) เทอมแรก วิชาที่เกี่ยวกับฟัน 3 วิชา 1.ส่งเสริมสุขภาพช่องปากหญิงตั้งครรภ์และเด็ก 2.วิทยาระบาดวิทยาในช่องปาก 3.เตรียมความพร้อมทันตกรรมคลินิก จากที่เรียนฉีดยาชาในปี 2 จะได้มาฝึกฉีดกับเพื่อนในปี 3 นั่นเอง รวบความรู้ทั้งหมดที่เรียนมาเพื่อลงคลินิกในเทอม 2 ส่วนวิชาสาธารณสุข เช่น การระบาดวิทยา การบริหารงานสาธารณสุข ชีวอนามัยและความปลอดภัย และวิชาอื่นๆ เท่าที่เห็นพี่ปี3 ลงชุมชนกับโรงเรียนบ่อยมากๆ เทอมสอง เรียนสถิติวิจัย+ทำวิจัย วิชาทันตกรรมคลินิกผสมสาน1 นั่นคือเริ่มเก็บเคส ปิดจบด้วยการฝึกงานที่ รพ.สต. ช่วงปิดเทอม ปี 4 (วิจัย+เก็บเคส+ฝึกงานยาวๆ) เทอมแรก มีวิชาต่อเนื่องต่อเนื่องจากปี3 ทำวิจัยต่อ และยังมีวิชาเพิ่มเข้ามา เช่น กฎหมายสาธารณสุข ที่สำคัญคือต้องเก็บเคสให้ครบ เทอมสอง ฝึกงานยาวๆทั้งเทอม ฝึกในโรงพยาบาลชุมชน จากที่เห็น พี่ปี 4 นี่แหละเหนื่อยสุด การรีวิว ไม่ได้ครบทุกวิชา ยกมาแค่บางวิชาหลักๆเท่านั้นนะคะ ยังมีอีกหลายวิชานอกเหนือจากนี้ และเนื่องจากตอนนี้จบแค่ปี 2 แต่อยากเล่าถึงปี 3-4 ด้วยคร่าวๆ เลยเล่าจากสิ่งที่เห็นหรือการพูดคุยกับรุ่นพี่ จึงไม่สามารถรีวิวอย่างละเอียดได้เท่า 1-2 จึงขออภัยมา ณ ที่นี้ ถ้ามีโอกาส จะกลับมารีวิวโดยละเอียดแน่นอนค่า สรุป ก็คือ เรียนจะคล้ายกับสาธารณสุขชุมชน และเพิ่มเรื่องทันตกรรมเข้ามา ดังนั้น การทำงานของสาขานี้ เป็นการส่งเสริม ป้องกันปัญหาสุขภาพช่องปาก และให้การรักษาทางทันตกรรมที่ไม่ซับซ้อนมาก เน้นทำงานกับชุมชน ดังนั้นการทำงานสาขานี้จึงเน้นเชิงรุกมากกว่าเชิงรับนั่นเองหวังว่าบทความนี้ คงจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับน้องๆหรือคนที่สนใจ นะคะข้อมูลโดย ผู้เขียนออกแบบภาพหน้าปกโดย canvaภาพประกอบโดย ผู้เขียนเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !