ผู้นำมาเลเซียได้ประกาศ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่มูลค่า 40,000 ล้านริงกิต
Malaysia: ผู้นำมาเลเซียได้ประกาศ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่มูลค่า 40,000 ล้านริงกิต (ราว 300,320 ล้านบาท) เพื่อเยียวยาผลกระทบที่เกิดจากการล็อกดาวน์ มีทั้งการแจกเงินคนจน และการพักชำระหนี้เงินกู้ให้แก่ธุรกิจ
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีมูห์ยิดดิน ยัสซิน และคณะรัฐมนตรีจะสละเงินเดือน 3 เดือนเข้ากองทุนต่อสู้โควิด-19 ของประเทศ เพื่อแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน กับผู้ที่ทำงานด่านหน้าเพื่อต่อสู้กับโรคโควิด-19 และชาวมาเลเซีย ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดที่ยังวิกฤต
มาเลเซียเริ่มการล็อกดาวน์ทั้งประเทศเป็นครั้งที่ 2 วานนี้ (1 มิถุนายน) เป็นระยะเวลาสองสัปดาห์ เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ทวีความรุนแรงจนระบบสาธารณสุขใกล้รับไม่ไหว ขณะที่ผู้นำมาเลเซียลั่นไม่รับเงินเดือน 3 เดือนช่วงที่ยังมีการระบาดรุนแรง
นายกรัฐมนตรียัสซิน จำเป็นต้องประกาศเมื่อวันศุกร์ (28 พฤษภาคม) ให้ล็อกดาวน์ทั้งประเทศระหว่างวันที่ 1-14 มิถุนายน หลังจากที่เคยใช้ครั้งแรกเมื่อวันที่ 18 มีนาคม - 3 พฤษภาคมปีก่อน และเพิ่งจะล็อกดาวน์บางส่วนเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคมที่ผ่านมา ห้ามกิจกรรมทางสังคมทุกอย่าง เว้นให้เปิดภาคเศรษฐกิจ
ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ในมาเลเซียทำสถิติสูงสุดติดต่อกันหลายวัน โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ทะลุ 8,000 คน ตามด้วยวันเสาร์ (29 พฤษภาคม) 9,020 คน สูงที่สุด นับตั้งแต่พบการระบาดเมื่อปีก่อน
มาตรการล็อกดาวน์ครั้งใหม่จะปิดธุรกิจทั้งหมด ยกเว้นธุรกิจจำเป็น 17 ประเภท เช่น อาหาร เครื่องดื่ม ธนาคาร สื่อ และอนุญาตให้ภาคการผลิตอย่างไฟฟ้า น้ำมัน ก๊าซ เดินเครื่องได้ 60% ของกำลังผลิต นอกจากนี้ ห้ามประชาชนนั่งรับประทานในร้านอาหาร ประชาชนแต่ละครอบครัวออกไปซื้อของจำเป็นได้คราวละ 2 คนภายในรัศมีไม่เกิน 10 กิโลเมตร และเพิ่มเป็น 3 คนได้สำหรับการไปพบแพทย์
โดยมีการปิดถนนสายหลัก 800 สายทั่วประเทศ และห้ามการเดินทางออกนอกรัฐและเมือง นอกจากจะได้รับอนุญาต แม้ไม่มีเคอร์ฟิว แต่ร้านค้าที่ยังเปิดได้ต้องปิดภายในเวลา 20.00 น.
ผู้นำมาเลเซีย กล่าวทางสถานีโทรทัศน์ทั่วประเทศ ในค่ำวันจันทร์ (31 พฤษภาคม) ว่า หากไม่ดำเนินการอย่างเด็ดขาดโดยทันที ระบบสาธารณสุขอาจจะพัง และจะเกิดหายนะใหญ่กว่าเดิม นอกจากนี้ ยังได้ภาวนาให้มาเลเซียผ่านพ้นการแพร่ระบาด และขอให้ผู้ป่วยหายจากโรคโดยเร็วด้วย
ล่าสุด เมื่อวานนี้ (1 มิถุนายน) พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 7,105 คน ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมเป็น 579,462 คน