ช่วงนี้ ช่วงต้นปีงบประมาณ เลยมีโอกาสได้เดินทางไปทำงานต่างจังหวัดอยู่บ่อย วันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่ต้องเดินทางมาทำงาน นั่งรถตู้ส่วนกลางมาไกลถึงจังหวัดกาฟสินธ์ ออกจากกรุงเทพฯ เวลาบ่ายแก่ ๆ กว่าจะถึงโรงแรมก็เวลาค่ำ อ่อนล้ากับการเดินทางพอสมควร เนื่องจากต้องใช้เวลาในการเดินทางค่อนข้างนานหลายชั่วโมง พึ่งเคยมาเป็นครั้งแรก จังหวัดกาฟสินธ์ มีคำขวัญว่า "หลวงพ่อองค์ดำลือเลื่อง เมืองฟ้าแดดสงยาง โปงลางเลิศล้ำ วัฒนธรรมผู้ไท ผ้าไหมแพรวา ผาเสวยภูพาน มหาธารลำปาว ไดโนเสาร์สัตว์โลกล้านปี" ถึงโรงแรมก็รีบทานอาหารมื้อเย็น อย่าเรียกว่ามื้อเย็น เรียกว่ามื้อค่ำถึงจะถูก ทานเสร็จ เข้านอน พักผ่อนตามอัธยาศัย ตื่นเช้ามาวันใหม่ ทำงานเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ช่วงบ่ายว่างก็ไม่รู้จะทำอะไรกัน ก็เลยสอบถามพนักงานโรงแรมและหาข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจของจังหวัด เลยสรุปกันว่าจะไปเที่ยว "พิพิธภัณฑ์สิรินธร" ตั้งอยู่เลขที่ 200 หมู่ที่ 11 ตำบลโนนบุรี อำเภอสหัสขันธ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ ถ้ามารถยนต์ ก็เริ่มจากกรุงเทพฯ โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 2 กรุงเทพฯ สระบุรี นครราชสีมา ขอนแก่น มหาสารคาม และกาฬสินธุ์ ต่อด้วยทางหลวงหมายเลข 227 กาฬสินธุ์ สหัสขันธ์ พิพิธภัณฑ์จะอยู่ขวามือก่อนถึงตัวอำเภอสหัสขันธ์ประมาณ 1 กิโลเมตร การเดินทางสะดวก สบาย ถนนลาดยางตลอดทาง เมื่อถึงสามารถจอดรถได้บริเวณด้านหน้าของพิพิธภัณฑ์ได้เลย ต้องบอกก่อนว่าธนกฤตไม่ค่อยได้มีโอกาสมาเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์แบบนี้เท่าไร เป็นครั้งแรกก็ว่าได้ที่เที่ยวแนว ๆ นี้ จึงทำให้รู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อย เมื่อจอดรถเสร็จ ลงรถ และก็เลยมุ่งหน้าไปทางเข้าจุดจำหน่ายตั๋วพิพิธภัณฑ์ จะเข้าชมก็จะต้องซื้อตั๋ว ราคาก็ไม่แพง คนไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท และเด็ก 10 บาท (อายุไม่เกิน 12 ปี) ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 100 บาท และเด็ก 50 บาท (อายุไม่เกิน 12 ปี) ซื้อตั๋วเสร็จ ทำไรต่อล่ะ ก็เดินหมุน วน วนมา อยู่หลายรอบ ไม่เคยมา ไม่รู้จะไปทางไหน เมื่อเดินเข้ามาภายในตัวอาคารพิพิธภัณฑ์ พบว่า เป็นอาคารที่ใหญ่พอสมควรเลย มีทั้งโซนด้านใน และด้านนอก "พิพิธภัณฑ์สิรินธร" ชื่อเต็มอย่างเป็นทางการ ชื่อว่า "ศูนย์ศึกษาวิจัยและพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูกุ่มข้าว" เป็นแหล่งเรียนรู้เรื่องราวไดโนเสาร์ มีทั้งแสง สี เสียง และเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เห็นความไม่ธรรมดาแล้วใช่ไหม โดยภายในอาคารแบ่งออกเป็น 3 ส่วน หลัก ๆ คือส่วนที่ 1 การกำเนิดโลก ส่วนที่ 2 การกำเนิดของสิ่งมีชีวิต ซึ่งรวมถึงไดโนเสาร์ จนถึงการกำเนิดมนุษย์ ส่วนที่ 3 เป็นนิทรรศการหมุนเวียน โดยจะแบ่งออกเป็น 9 โซน ได้แก่ โซนที่ 1 จักรวาลและโลก โซนที่ 2 เมื่อชีวิตแรกปรากฏ โซนที่ 3 พาลีโอโซอิก โซนที่ 4 มหายุคมีโซโซอิค โซนที่ 5 วิถีชีวิตไดโนเสาร์ โซนที่ 6 คืนชีวิตให้ไดโนเสาร์ โซนที่ 7 ซีโนโซอิก และโซนที่ 8 เรื่องของมนุษย์ แต่ละโซนก็จะมีเรื่องราวที่น่าสนใจแตกต่างกันออกไป ถ้าจะให้อธิบายรายละเอียดทั้งหมด คงไม่ไหวแน่ การที่ได้เดินมาเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ โดยรวมถือว่าเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่น่าประทับใจ เดินได้อย่างเพลิดเลิน บันเทิง อากาศไม่ร้อน แถมยังได้ความรู้กลับมาอีกมากมาย ลืมบอกไปว่า สิ่งที่น่าใจที่มาแล้วต้องไปชม คือ กระดูกส่วนต้นขาของไดโนเสาร์อีสานโนซอรัส อรรถวิภัชน์ชิ เป็นไดโนเสาร์กินพืชที่พบในประเทศไทยอายุประมาณ 209 ล้านปี และกระดูกไดโนเสาร์ภูเวียงโกซอรัส สิรินธรเน เป็นโครงกระดูกไดโนเสาร์ที่สมบูรณ์ที่สุดในเมืองไทย ห้ามพลาดอย่างเด็ดขาด เสียดายเวลาน้อยไปหน่อย มาถึงก็เกือบบ่ายสอง อล่ว กำลังเดินอย่างเพลิดเพลิน เห็นแล้วอยากมาเที่ยวกันบ้างไหมเอ๋ย ธนกฤตก็ไม่คิดว่าจังหวัดกาฬสินธ์ จะมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจลักษณะแบบนี้อยู่ เพื่อน ๆ คนใด ที่มีแผนจะขับรถมาเที่ยวหรือจะมาทำงานที่จังหวัดกาฬสินธ์ ถ้ามีโอกาสก็ลองแวะเวียนมาเที่ยวกัน "พิพิธภัณฑ์สิรินธร" ได้ เป็นสถานที่น่าประทับใจ และเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่แนะนำให้มา ต้องใช้คำว่าต้องมา เปิดบริการวันอังคาร - อาทิตย์ เวลา 9.00-17.00 น. แต่ถ้าไม่ไปถูก็สามารถสอบถามเพิ่มเติ่มได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 043 871 613 - 15 หรือจะดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.sdm.dmr.go.th เสร็จสิ้นภารกิจ ณ "พิพิธภัณฑ์สิรินธร" เย็นมากแล้วธนกฤตต้องขออนุญาตเดินทางกลับไปที่โรงแรมก่อน เพื่อจะได้ทานอาหารมื้อเย็นร่วมกับคณะ และพักผ่อน เตรียมเดินทางกลับในวันรุ่งขึ้น สำหรับวันนี้ขอขอบคุณที่ติดตาม และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่มาอ่านบทความไม่มากก็น้อย สวัสดีครับผู้เขียนบทความ : ธนกฤตแหล่งที่มาของภาพ : ผู้เขียนบทความ