ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าเนื้อหาของบทความนี้มาจากตัวผู้เขียนเอง เริ่มจากตั้งแต่เรียนจบมาก็ทำงานประจำมาโดยตลอด ทำงานเป็นกะแล้วแต่ว่าจะได้อยู่กะไหน มีกะเช้า กะบ่ายและกะดึก ถ้าบอกเป็นนัยๆ ว่างานที่ทำเกี่ยวกับ “วิชาชีพ” มีการขึ้นเวรลงเวร เป็นวิชาชีพที่ค่อนข้างจะกดดันเนื่องจากต้องมีความรับผิดชอบสูง ทั้งชีวิตตนเองและชีวิตผู้อื่น หลายๆท่านน่าจะเดาออกว่าเป็นงานอะไร ผู้ที่จะทำงานนี้ได้นานๆต้องมีความรักความชอบในวิชาชีพนี้จริงๆ ตัวเราเองก็รักในวิชาชีพนี้ แต่ !! ก็รักในการทำอย่างอื่น (อีกหลายอย่าง) ด้วยเหมือนกัน นั่นทำให้เราเลือกที่จะออกจากการเป็น “พนักงานประจำ” มาเป็น “ฟรีแลนซ์” นั่นเอง แต่ก่อนที่เราจะลาออกจากงานประจำ เราได้ทำงานอย่างอื่นมากมาย ไม่ว่าจะเป็น “การสอนวิชาที่เราถนัด” , “การแสดง (เรามีความสามารถพิเศษทางด้านนาฏศิลป์ไทย ทั้งรำและโขน)” และงานอื่นๆที่เราสามารถทำได้ จนเรารู้สึกว่าการโฟกัสกับการทำงานนั้นน้อยลง รวมทั้งเรื่องสุขภาพและการพักผ่อนด้วย ถ้ามานั่งคิดทบทวนดีๆอาจจะทำให้งานนอกนั้นกระทบกับงานประจำได้ จึงทำให้ตัดสินใจลาออกมาเป็น “ฟรีแลนซ์” เต็มตัว หลังจากที่ออกมาเป็น “ฟรีแลนซ์” แล้ว สิ่งที่ทำให้กังวลจนเครียดเลยนั่นก็คือเรื่องของ ”รายได้“ ที่น้อยลงอย่างมาก แต่ถ้าวางแผนการทำงานดีๆบางเดือนก็ได้เกือบเท่างานประจำแต่งานสบายกว่า มีเวลาพักผ่อนมากกว่า ได้ไปเที่ยว ได้ทำสิ่งที่อยากทำมากมายโดยที่ไม่กระทบเรื่องงาน เข้าใกล้คำว่า work-life balance มากขึ้น ย้ำอีกครั้งว่าบทความข้างต้นนี้เป็นประสบการณ์การทำงานของผู้เขียนโดยตรง อาจจะมีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยแต่สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าเพื่อนๆจะเลือกการทำงานแบบไหน ก็ขอให้สนุกกับการทำงานนั้นๆ เราจะได้มีความสุขและยิ้มได้ในทุกๆวัน จาก “พนักงานประจำ” สู่การเป็น “ฟรีแลนซ์” ภาพประกอบ โดย ผู้เขียน เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !