รีเซต

ธุรกิจขายปลีกสัตว์เลี้ยง-อุปกรณ์รุ่ง ขยายตัวต่อเนื่อง อานิสงส์คนโสด-ลูกน้อย-วัยเกษียณเพิ่ม

ธุรกิจขายปลีกสัตว์เลี้ยง-อุปกรณ์รุ่ง ขยายตัวต่อเนื่อง อานิสงส์คนโสด-ลูกน้อย-วัยเกษียณเพิ่ม
ข่าวสด
7 ธันวาคม 2564 ( 21:30 )
56
ธุรกิจขายปลีกสัตว์เลี้ยง-อุปกรณ์รุ่ง ขยายตัวต่อเนื่อง อานิสงส์คนโสด-ลูกน้อย-วัยเกษียณเพิ่ม

นายสินิตย์ เลิศไกร รมช.พาณิย์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันแนวโน้มการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป จากที่เคยเลี้ยงแบบลักษณะความเป็นเจ้าของ หรือ Ownership กลายเป็นการเลี้ยงแบบความผูกพันเสมือนคนในครอบครัว/เลี้ยงเสมือนลูก หรือ Pet Parent และต้องการเลือกสิ่งที่ดีมีคุณภาพให้กับสัตว์เลี้ยง ไม่ว่าจะเป็นอาหาร สิ่งของเครื่องใช้ และบริการต่างๆ ส่งผลให้กลุ่มธุรกิจขายปลีกสัตว์เลี้ยงและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องมีแนวโน้มการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

ภาพรวมผลประกอบการธุรกิจฯ ตลอด 3 ปี (2561 - 2563) ที่ผ่านมา พบว่า มีอัตราเพิ่มสูงขึ้นแตะหนึ่งหมื่นล้านบาทต่อปี (ผลประกอบการ ปี 2561 จำนวน 8,454.29 ล้านบาท ปี 2562 จำนวน 9,021.78 ล้านบาท และ ปี 2563 จำนวน 9,269.94 ล้านบาท) สอดรับกับตัวเลขส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงของไทยไปทั่วโลกที่มีปริมาณเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ 2560 - 2563 ด้วยเช่นกัน

 

ธุรกิจขายปลีกสัตว์เลี้ยงฯ ในประเทศไทยมีโอกาสเติบโตอีกมาก คู่แข่งในตลาดยังมีน้อย อีกทั้ง แนวโน้มความต้องการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงของผู้บริโภคเพิ่มสูงขึ้นตามลำดับ เนื่องจาก 1. จำนวนครอบครัวเดี่ยวและคนโสดเพิ่มมากขึ้น 2. คู่สมรสมีบุตรน้อยลงและคนไทยเริ่มเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุที่ใช้ชีวิตหลังเกษียณอยู่บ้านจึงมองหาสัตว์เลี้ยงมาเป็นเพื่อน

3. พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปมีการทำงานที่บ้าน (WFH) มากขึ้น ทำให้มีเวลาใส่ใจดูแลบ้านและสัตว์เลี้ยง 4.สามารถหาข้อมูลความรู้ หาผลิตภัณฑ์/บริการใหม่ๆ เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง และซื้อหาผ่านช่องทางออนไลน์ได้สะดวกมากขึ้น จากปัจจัยข้างต้นทำให้ธุรกิจขายปลีกสัตว์เลี้ยงฯ ได้รับความสนใจทั้งจากผู้ประกอบการรายเก่าและรายใหม่ที่พร้อมจะเข้ามาลงทุนในธุรกิจอย่างต่อเนื่อง

 

นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวเสริมว่า “ปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ต.ค. 2564) มีผู้ประกอบการในธุรกิจที่จดทะเบียนจัดตั้งเป็นนิติบุคคลและดำเนินกิจการอยู่ จำนวน 480 ราย ทุนจดทะเบียน 2,559.35 ล้านบาท แบ่งเป็นธุรกิจขนาดเล็ก (S) 443 ราย ( 92.29%) ธุรกิจขนาดกลาง (M) 31 ราย (6.46%) และ ขนาดใหญ่ (L) 6 ราย (1.25%)

 

ทั้งนี้ จากการคาดการณ์ของ Modor Intelligence อัตราการเจริญเติบโตต่อปี (CAGR) 1 ของตลาดอาหารสัตว์ในประเทศไทย ปี 2564-2569 จะเติบโตขึ้น 5.2% และจากสมาคมอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์สัตว์เลี้ยงไทย รายงานว่าตลาดอาหารสุนัขมีส่วนแบ่งทางการตลาดสูงสุดทั้งในด้านรายได้และขนาดการใช้จ่าย ซึ่งส่วนแบ่งการตลาดนี้มีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากความต้องการอาหารสัตว์ราคาแพง (Premium treats) เพิ่มสูงขึ้น ผู้บริโภคเลี้ยงสัตว์ด้วยความรักและให้ความผูกพันเสมือนคนในครอบครัว ทำให้ต้องการอุปกรณ์เลี้ยงสัตว์มากขึ้น เช่น อาหารสัตว์ประเภทอื่นๆ ที่หลากหลายมากกว่าอาหารสัตว์จำพวกอาหารเม็ดหรืออาหารแบบเปียกอย่างเดิม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง