รีเซต

จีนอาจล้ำหน้าสหรัฐฯ ด้าน AI หลังพบทุ่มงบปีละเกือบ 9 หมื่นล้านบาท เพื่อรับมือกองทัพเรือสหรัฐฯ และไต้หวัน

จีนอาจล้ำหน้าสหรัฐฯ ด้าน AI หลังพบทุ่มงบปีละเกือบ 9 หมื่นล้านบาท เพื่อรับมือกองทัพเรือสหรัฐฯ และไต้หวัน
TNN ช่อง16
1 พฤศจิกายน 2564 ( 18:21 )
59
จีนอาจล้ำหน้าสหรัฐฯ ด้าน AI หลังพบทุ่มงบปีละเกือบ 9 หมื่นล้านบาท เพื่อรับมือกองทัพเรือสหรัฐฯ และไต้หวัน

จีนทุ่มงบไปกับการพัฒนา AI


การวิเคราะห์ของ Center for Security and Emerging Technology (CSET) ที่มหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ในวอชิงตันของสหรัฐฯ พบว่า มีถึง 22 บริษัทจาก 273 แห่งในสหรัฐฯ ที่เป็นผู้จัดหาอุปกรณ์ AI ให้กับกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน (PLA) โดยไม่อยู่ภายใต้ข้อจำกัดของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ 


หมายความว่า พวกเขาอาจเข้าถึงเทคโนโลยีของสหรัฐฯ และส่งต่อไปยัง PLA ได้


ปัจจุบัน ประเมินว่า กองทัพจีนมีค่าใช้จ่ายด้านเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับ AI ในแต่ละปี อยู่ที่ระหว่าง 1,600-2,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 53,295-89,935 ล้านบาท


การลงทุนของกองทัพจีนเริ่มเห็นผล


พวกเขายังอ้างถึงการศึกษาก่อนหน้า ที่คำนวณว่าในปีที่แล้ว กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ใช้จ่ายราว 800-1,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 26,647-43,302 ล้านบาทในด้าน AI และกว่า 1,700-3,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 56,626-116,583 ล้านบาทกับการพัฒนาระบบไร้คนขับ


รายงานดังกล่าวยังระบุว่า กองทัพจีนอาจใช้จ่ายมากกว่าสหรัฐฯ ในด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) อีกด้วย


เราพบว่า PLA กำลังจัดซื้อระบบ AI ที่ออกแบบมาเพื่อใช้ในยานพาหนะใต้ทะเลปฏิบัติการในสงครามกับไต้หวันติดตามเรือของกองทัพเรือสหรัฐฯ และปรับใช้กับมาตรการตอบโต้ทางอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงงานอื่น ” ไรอัน เฟดาซิอุค นักวิเคราะห์การวิจัยของ CSET ทวีตข้อความบน Twitter เมื่อวันพฤหัสบดี (28 ตุลาคมที่ผ่านมา


และยังพบว่า กลยุทธ์การพัฒนาทางการทหารและพลเรือนของจีน กำลังให้ผลตอบแทนอย่างจริงจัง จากซัพพลายเออร์อุปกรณ์ AI กว่า 273 ราย และ 60% เป็นบริษัทเอกชน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัทขนาดเล็ก ที่ก่อตั้งขึ้นในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาเท่านั้น


ทั้งนี้ กลยุทธ์ทางทหารและพลเรือน มีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยให้กองทัพจีน เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าที่สุดในโลก โดยการลดอุปสรรคระหว่างภาคพลเรือนและการทหาร


การพัฒนาของจีนสะเทือนทั่วโลก


รายงานของมหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ มีขึ้นขณะความตึงเครียดในช่องแคบไต้หวันยังคุกรุ่น ขณะที่จีนได้ทดสอบอาวุธที่มีความเร็วเหนือเสียงในช่วงฤดูร้อน ซึ่งเป็นพัฒนาการที่มาร์ค มิลลีย์ ประธานคณะเสนาธิการร่วม อธิบายว่า "น่ากังวลอย่างยิ่ง"


ความสามารถทางการทหารของจีน ยิ่งใหญ่มากกว่าที่จะเป็นการทดสอบแค่ครั้งเดียว” มิลลีย์กล่าวกับสถานีโทรทัศน์ Bloomberg 


จีนกำลังพัฒนาด้านอวกาศ และโลกไซเบอร์อย่างก้าวกระโดด รวมถึงการต่อสู้แบบดั้งเดิม ทั้งทางบก ทางทะเล และทางอากาศด้วย


กระทรวงการต่างประเทศของจีน ปฏิเสธว่าการทดสอบดังกล่าวไม่ใช่การทดสอบขีปนาวุธ และระบุว่า เป็นเพียงการตรวจสอบเทคโนโลยียานอวกาศเท่านั้น


ก้าวสู่ผู้นำด้านปัญญาประดิษฐ์


ก่อนหน้านี้ นักวิทยาศาสตร์ขีปนาวุธของ PLA ได้โต้แย้งในเอกสารทางวิทยาศาสตร์ว่า อาวุธที่มีความเร็วเหนือเสียง สามารถสร้างขึ้นได้แม่นยำขึ้น 10 เท่า หากควบคุมด้วยปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI 


เยว่ กัง อดีตพันเอกของ PLA กล่าวว่า กองทัพจีนสามารถกวาดรางวัล จากอุตสาหกรรมอินเทอร์เน็ตและบิ๊กดาต้าที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้กองทัพจีนเป็นผู้นำระดับโลกในด้าน AI


ในอดีต กองทัพจีนต้องชดเชยข้อบกพร่องด้านเทคโนโลยีและอุปกรณ์ ด้วยความกล้าหาญและจิตวิญญาณการต่อสู้ของทหาร ดังนั้น กองทัพจึงเห็นคุณค่าของอาวุธและยุทโธปกรณ์ขั้นสูงอย่างลึกซึ้ง” เยว่ กล่าว


กองทัพฝ่ายตรงข้ามผลักดันให้เร่งพัฒนา


เย่ว ยังกล่าวว่า สงครามอ่าวในปี 1991 ที่สหรัฐฯ ใช้อาวุธที่ทันสมัย เช่น ยานยนต์ไร้คนขับ และอาวุธนำวิถีที่แม่นยำ เพื่อให้ได้ชัยชนะอย่างรวดเร็ว ทำให้จีนเชื่อว่าจะต้องยอมรับการทำสงครามไฮเทคในอนาคต


อาจอธิบายได้ว่า นั่นเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้จีนตระหนักได้เป็นครั้งแรกว่า การทำสงครามนั้นต้องแม่นยำ” เยว่ กล่าว


สหรัฐฯ ยังคงเป็นประเทศที่ใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศรายใหญ่ที่สุด แต่เยว่ กล่าวว่าประเทศต่าง  เช่น จีน และรัสเซีย ได้ปรับกลยุทธ์ของตน เพื่อมุ่งเน้นในด้านต่าง  เพิ่มเติม อย่างเช่น เทคโนโลยีความเร็วเหนือเสียง ซึ่งสหรัฐฯ อาจมองข้ามไป

—————

เรื่องพัชรี จันทร์แรม

ภาพ: Xu Haiwei

ข่าวที่เกี่ยวข้อง