รีเซต

เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้

เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้
ทันหุ้น
26 เมษายน 2565 ( 09:25 )
209

 

#SET #ทันหุ้น - บล.เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) คาดดัชนีฯ อาจมี rebound แต่ยังอยู่ในโหมดของการปรับฐานอยู่ การล็อกดาวน์ของจีนเป็นตัวถ่วงหลักๆ ของตลาด  สถานการณ์ยูเครน-รัสเซีย ยังไม่ดีขึ้น ต่างชาติเข้าแทรกแซงด้านการทหารมากขึ้น ทำให้การเจรจาเกิดขึ้นได้ยาก

 

ตัวแปรที่ต้องจับตาเป็นพิเศษ คือ การล็อกดาวน์ของจีนจากการระบาดของ Covid-19 หากมีการล็อกดาวน์มากกว่านี้จะกระทบต่อภาคเศรษฐกิจของจีน และเศรษฐกิจโลก เนื่องจากจีนเป็นผู้ผลิตที่เป็น supply chain ที่ใหญ่ที่สุดของโลก ขณะที่ผู้นำจีนกำลังประเมินการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ถ้ามีจะพอช่วยหนุนตลาดได้

 

เงินบาทอ่อนค่าลง (เช้านี้ 34.09 บาท) การอ่อนค่ารอบนี้ เรามองว่ามาจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว Dollar แข็งค่าขึ้น ซึ่งอาจจะกระทบปริมาณการส่งออก ยกเว้นการส่งออกที่เกี่ยวกับอาหารที่คาดจะยังดี

 

คาด SCBX จะมีการเข้าเทรดวันพรุ่งนี้ (รอดูประกาศจากตลาดฯ) เรามองว่าจะทำให้ SET Index และ SET50 Futures มีความผันผวน  ถ้าSCBX ซื้อขายที่ 115.50 บาท จะมีผลต่อดัชนีฯ ราว 10-12 จุด

 

หุ้น SCGP ส่งงบวันนี้ KTBST ประเมินกำไรสุทธิที่ 1.7 พันลบ. -24%YoY; +26%QoQ

 

หุ้นชึ้น XD วันนี้ ได้แก่ APCO(@0.1234), III(@0.30), RBF(@0.15), SAMCO(@0.04), VNT(@2.40), IHL(@0.10)

 

ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้ คือ ตัวเลขยอดขายบ้านสหรัฐฯ

 

ทั้งนี้ แม้ตลาดหุ้นไทย จะมีความแข็งแรงด้วยกำไรที่ยังดี แต่ปัจจัยลบภายนอกที่มีน้ำหนักมากขึ้นเรื่อยๆ จะถ่วงตลาด ให้อยู่ในช่วงของการปรับฐาน การลงทุนในช่วงนี้ จึงควรทำทั้งการขายทำกำไร และเลือกหุ้นเล่นสั้นๆ ตามข่าวหรือปัจจัยเฉพาะตัวไปก่อน

• เรายังเชื่อว่า นักลงทุนต่างประเทศ อาจพลิกกลับมาขายหุ้น ควรลงทุนด้วยความระมัดระวัง หุ้นที่นักลงทุนกลุ่ม เคยซื้อมาก่อนหน้านี้ออกไป

• หุ้นที่มีข่าวบวกมากที่สุด วันนี้ คงหนีไม่พ้นหุ้นท่องเที่ยว เพราะตัวเลข Covid ลดลงมาก และรัฐผ่อนคลายมาตรการ หุ้นหลักๆ ของกลุ่มนี้  CENTEL, ERW, SPA, AOT

• หุ้นในพอร์ตวันนี้ เรานำ KTB ออกจากพอร์ต และนำเอา CENTEL เข้ามาแทน หุ้นในพอร์ตประกอบด้วย CENTEL(10%), FSMART(10%), ASIAN(10%), BDMS(10%), THANI(10%), AAV(10%)

 

Strategy Stock Pick

CENTEL: (เป้าเชิงกลยุทธ์ 46.50 บาท) “ลุ้นกำไร 1Q22 พลิกบวก, ธุรกิจ รร. ฟื้น-อาหารเด่น”

• ตัวเลขผู้ติดเชื้อ Covid-19 วันนี้ 13,816 ราย และมีแนวโน้มลดลง ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว

•KTBST ประเมินกำไร 1Q22 ที่ 146 ลบ. หนุนด้วย Occ. Rate โรงแรมและธุรกิจอาหารที่ฟื้นตัว แนวโน้มกำไรดีขึ้นเร็วกว่าคาด

•การปรับ Thailand Pass และ Test & Go หนุน Sentiment กลุ่มท่องเที่ยว ส่วนระยะสั้นติดตามการประกาศดีลซื้อธุรกิจอาหาร

•KTBST ประเมินกำไรสุทธิปี 2022-2023 ที่ 307 ลบ. และ 1,437 ลบ. พลิกจากขาดทุนในปี ‘21 และเติบโตต่อในปี ‘23 +369%YoY ตามลำดับ

 

Technical: SMT, JUTHA

 

**บล.กสิกรไทย จำกัด ประเมินตลาดหุ้นไทยยังผันผวน แนวรับประเมิน 1666 จุดไม่ควรหลุด ส่วนแนวต้าสําคัญคาด 1705 จุด โดยช่วงนี้ปัจจัยบวกยังมาจากการเปิดเมือง และเชื่อว่าตลาดให้นํ้าหนักการรายงานผลประกอบการงวด 1Q22 ฝั่ง Real sector อาทิ SCGP เราคาดกําไรไตรมาส 1 ที่1.77 พันล้านบาท -16%QoQ และ 17% YoY, SCC ตลาดคาดที่ 8.3 พันล้านบาท Flat QoQ แต่ -44%YoY, BH เราคาดกําไร 757 ล้านบาท +24%QoQ 731%YoY, PTTEP คาดกําไร 1 หมื่นล้านบาท -6%QoQ -13%YoY ฯลฯ และกระแสเก็งกําไรเรื่อง MSCI จะประกาศหุ้นเข้าคํานวณ MSCI รอบใหม่(มีผลราคาปิด 31 พค 2022) เบื้องต้นคาดหุ้นเข้า MSCI Global standard คือ JMT, COM7 คาดมีแรงเก็งกําไร , คาดหุ้นออก BGRIM, STGT จะมีแรงกดดัน

 

กลยุทธการลงทุน : KS ยังแนะนําเน้นหุ้น Domestic กลุ่มการเงินเช่าซื้อ (MTC, SAWAD, HENG, MICRO) กลุ่มค้าปลีก(DOHOME) กลุ่มวัสดุ (DCC) กลุ่ม ICT(DTAC,TRUE) และกลุ่มที่มีปัจจัยบวกสนับสนุน คือ กลุ่มส่งออก(ASIAN, SAPPE EPG) กลุ่มที่ได้กระแสบวกจากการเปิดเมือง แนะนํา(BEM, CPN, MINT, CENTEL,AMATA),กลุ่มการแพทย์(BH, BDMS) กลุ่มที่หลีกเลี่ยงลงทุน คือ Global play ปิโตรเคมี,อิเล็กทรอนิกส์

 

โดยมุมมองตลาดหุ้น SET วันนี้คาด 1680-1685 หุ้นแนะนํา DCC, GFPT

 

Top pick : DCC(ราคาพื้นฐาน 3.4 บาท) เราปรับราคาเป้าหมายเป็น 3.40 บาท คาดกําไร 1Q22 จะNew high ที่ ล้านบาท 528+7.1% YoY และ 36.2%QoQ จากยอดขายจะเพิ่มขึ้นและ GPM ที่สูงขึ้น, ต้นทุนที่ตํ่าลง,และจุดเด่น DCC คือ เงินปันผลที่ให้ผลตอบแทนสูง 6%

 

GFPT(ราคาพื้นฐาน 15.0 บาท) เรา 1.)คาดกําไร1Q22 อยู่ที่ 201 ลบ. (+232% YoY, +157% QoQ) จากปริมาณการส่งออกที่ฟื้นตัวและราคาไก่เนื้อในประเทศที่ปรับตัวสูงขึ้น (+23%QoQ) 2.เราเชื่อว่าผลการดําเนินงานของ GFPT จะดีขึ้นตามลําดับไตรมาสต่อไตรมาสและแตะระดับสูงสุดในไตรมาส 3/2565 เนื่องจากเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นสําหรับการส่งออกและจากความต้องการอาหารสัตว์ที่ฟื้นตัวสําหรับทั้งภาคปศุสัตว์และการเพาะเลี้ยงสัตว์นํ้า 3.)ได้ Sententiment บวกจากแนวโน้มเงินบาทที่อ่อนค่า โดยเงินบาทที่อ่อนค่าๆทุกๆ 1 บาทจะส่งผลบวกต่อ Bottomline บริษัท 1.5%

 

**บล.คิงส์ฟอร์ด จำกัด ส่องดัชนี SET เคลื่อนไหวในกรอบแนวรับ 1,670 แนวต้าน 1,680 – 1,685 โดยผันผวนตามดัชนีต่างประเทศ และรอรายงานกำไร บจ. Q1/65 แนะนำเก็งกำไรระยะสั้น เช่น ASIAN, CFRESH, GFPT (+เงินบาทอ่อนค่า ) / ICHI, CBG(+High Season) /BLA,TIPH

 

AP* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 12.80 บาท) แนวโน้มผลประกอบการ 1Q65 เติบโตดีทั้ง QoQ, YoY ขึ้นทำสถิติสูงสุด ได้แรงหนุนจากยอดขายโครงการแนวราบที่เติบโตเด่น โดยบริษัทได้ประกาศยอดขายใน 1Q65 สามาถทำได้ 1.29 หมื่นล้านบาท +63%YoY มาจากยอดขายโครงการแนวราบ 1.07 หมื่นล้านบาท และยอดขายคอนโดมิเนียม 2.16 พันล้านบาท ทั้งนี้บริษัทได้เปิดโครงการใหม่ใน 1Q65 ไปแล้ว 10 โครงการ มูลค่ารวม 9.24 พันล้านบาท ด้านยอดขายรอโอน (Backlog) ของบริษัทในช่วง 1Q65 อยู่ที่ 4.17 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น Backlog โครงการแนวราบ 2.23 หมื่นล้านบาท และคอนโดมิเนียม 1.93 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะมีการทยอยรับรู้รายได้เข้ามาอย่างเนื่อง และหนุนให้รายได้ของบริษัทในปี 65 เป็นไปตามเป้าหมายที่ 4.7 หมื่นล้านบาท

 

MAJOR* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 24.60 บาท) เบื้องต้น ตลาดประเมินภาพรวมของการดำเนินงานในปีนี้จะสามารถฟื้นตัวตัวได้ดี โดยตลาดคาด EPS ปี65 และ 66 จะพลิกกลับมามีกำไรที่ 0.90 และ 1.13 บ./หุ้น ตามลำดับ หลังจากที่หากไม่นับรวมกำไรพิเศษในปี64 ผลประกอบการจะออกมาขาดทุนที่ EPS ราว -0.70 บ./หุ้น หลักๆการฟื้นตัวเป็นไปตามการ reopening ในประเทศ และการที่ภาพยนต์ฟอร์มใหญ่หลายเรื่องเช่น The Batman หรือ Doctor Strange in the Multiverse of Madness เข้าฉายหลังสถานการณ์ Covid-19 คลี่คลาย นอกจากนี้ทางบ.เองยังมีแรงหนุนจากการขายอาหารเครื่องดื่มโดยเฉพาะในส่วนของตัวป็อปคอร์น และคาดว่าการเข้าไปถือ TKN จะส่งผลบวกต่อ Synergy ในด้านนี้เช่นกัน

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง