พีท เฮกเซธ พบรัฐมนตรีกลาโหมหลายชาติอาเซียน

พีท เฮกเซธ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม พบกับรัฐมนตรีกลาโหมจากหลายชาติอาเซียน ที่มาเลเซีย ในวันนี้ (31 ตุลาคม) โดยกล่าวชื่นชมการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน หรือ ASEAN Summit 2025 ว่าเป็นการประชุมที่ประสบผลสำเร็จ และย้ำถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลสหรัฐฯ ต่อความมั่นคงและเสถียรภาพของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ในการหารือนอกรอบ การประชุมสุดยอดกลาโหมอาเซียน เฮกเซธ หารือร่วมกับรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน ซึ่งประกอบด้วย รัฐมนตรีกลาโหมไทย พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์, รัฐมนตรีกลาโหมมาเลเซีย,รัฐมนตรีกลามกัมพูชา และเกา กิม ฮวน เลขาธิการอาเซียนคนปัจจุบัน

การหารือครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความพยายามของสหรัฐฯ ที่จะสร้างความสัมพันธ์ด้านความมั่นคง และขยายอิทธิพลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขณะที่จีนขยายอิทธิพลในพื้นที่ดังกล่าวมากขึ้น

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (26 ตุลาคม) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ กล่าวต่อผู้นำอาเซียนว่า สหรัฐฯ จะอยู่เคียงข้าง 100% และมุ่งมั่นที่จะเป็นพันธมิตรให้แก่ผู้คนรุ่นต่อ ๆ ไป

ก่อนหน้านั้น เฮกเซธ ก็หารือกับรัฐมนตรีกลาโหมจีนและอินเดียในมาเลเซียด้วยเช่นกัน 

โดยเฮกเซธได้โพสต์ข้อความผ่าน X ว่า เขาได้คุยกับ ตง จวิ้น รัฐมนตรีกลาโหมจีน และบอกว่า "สหรัฐฯจะปกป้องผลประโยชน์ของตนอย่างแข็งแกร่ง" และรักษาสมดุลอำนาจใจภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ขณะเดียวกันก็กล่าวแสดงความกังวลเกี่ยวกับกิจกรรมของจีนในทะเลจีนใต้ และรอบ ๆ ไต้หวัน

พร้อมกันนี้ เฮกเซธได้กล่าวยกย่องกรอบความร่วมมือด้านการป้องกันประเทศฉบับใหม่ระยะเวลา 10 ปี ที่ลงนามร่วมกับรัฐมนตรีกลาโหมอินเดีย ราชนาถ ซิงห์ ด้วย โดยชี้ว่า "นี่คือรากฐานสำหรับเสถียรภาพและการยับยั้งในภูมิภาค" พร้อมชี้ว่า นี่คือก้าวย่างที่สำคัญสำหรับกองทัพทั้งสอง โร้ดแมพสู่ความร่วมมือที่แข็งแกร่งและมีความหมายมากยิ่งขึ้น  ซึ่งเป็นการพบกันครั้งแรกของ 2 รัฐมนตรีกลาโหม หลังจากที่สหรัฐฯขึ้นภาษีสินค้าอินเดีย 50% เมื่อเดือนสิงหาคม เพื่อเป็นบทลงโทษที่อินเดียยังคงซื้อน้ำมันจากรัสเซีย

เฮกเซธ ยังได้พบกับรัฐมนตรีกลาโหมมาเลเซียเมื่อวันพฤหัสบดี และทั้ง 2 ยึดมั่นในการักษาความมั่นคงในทะเลจีนใต้  ซึ่งถูกอ้างสิทธิ์โดยจีน บรูไน อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม

โดยจีนได้ส่งเรือยามฝั่งจำนวนมากไปยังพื้นที่ และมีรายงานเหตุปะทะกับเรือฟิลิปปินส์บ่อยครั้ง และถูกกล่าวหาว่าขัดขวางกิจกรรมด้านพลังงานของมาเลเซียและเวียดนาม ซึ่งมาเลเซียมองว่าเป็น "ยุทธวิธีในพื้นที่สีเทา" (Grey-zone tactics) เช่น การสำรวจไฮโดรกราฟิก ในพื้นที่ใต้การดูแลของหน่วยยามฝั่งต่างประเทศ, การข่มขู่อธิปไตย ยั่วยุ และเป็นภัยคุกคาม ขณะที่ที่ผ่านมาจีนย้ำว่า หน่วยยามฝั่งจีนได้ดำเนินการอย่างชำนาญการ  พร้อมปกป้องดินแดนจีนจากการแทรกแซงจากต่างประเทศ