ต้นพฤศจิกายนลมหนาวบาดผิว ถึงช่วงเวลานี้ของทุกปีทีไรประเพณีลอยกระทงก็เวียนมาบรรจบอีกครั้ง ระยะหลังไม่รู้เป็นอะไรครับคุณผู้อ่าน ผมกลับสังเกตเห็นว่าเจตนารมณ์ของเทศกาลดูจะผิดแปลกไปจากที่เคยเห็น บางทีอาจจะเป็นเพราะดวงจันทร์กลมสวย ถ่ายรูปสวย มีดนตรีฟังมหรสพไพเราะกระมัง งานลอยกระทงจึงเป็นสัญลักษณ์ของความโรแมนติกแบบไทย ๆ ไป มีคู่รักมากมายเลือกช่วงเวลานี้ในการสกินชิป ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องผิด แต่บทความนี้ผมก็แค่อยากจะย้อนความหลังให้ฟัง ว่าแก่นของประเพณีคืออะไรและคนที่ไม่มีใคร ก็มีสิทธิออกไปลอยกระทงได้โดยไม่ต้องมีคู่ 1. ลอยกระทงคือการขอบคุณ ไม่ใช่การขอแฟน แท้จริงแล้ววันลอยกระทงเกิดขึ้นเพื่อแสดง "ความกตัญญูต่อแม่น้ำและธรรมชาติ" ที่หล่อเลี้ยงชีวิตผู้คนมาตลอดทั้งปี มันไม่ใช่ค่ำคืนที่จะมาอ่าวโอ้โพสต์โซเชียลว่า "ฉันไม่มีใคร" , "ฉันอยู่คนเดียว" , "ฉันเหงาเป็นหมาหงอยฟังเสียงพลุ" ท่ามกลางคู่รักมากมายที่ออกมาแสดงความหวานเชิงสัญลักษณ์ กระทงคืออุปกรณ์ขอบคุณธรรมชาติ กระทงไม่ใช่เราท์เตอร์สัญญาณที่ลอยออกไปเหนือน้ำเพื่อหวังจะดึงดูดรักแท้ ผมว่านะครับบางทีการลอยกระทงเพียงลำพัง พร้อมคำขอบคุณในใจต่อโลกใบนี้ ก็อาจจะเติมเต็มเราได้มากกว่าการลอยกับใครสักคนที่เขาไม่เคยเข้าใจเราจริง ๆ ซะอีก 2. ลอยเพื่อปล่อย ไม่ใช่แค่ลอยเพื่อรัก คนจำนวนมากลืมไปว่าการลอยกระทงมีอีกความหมายหนึ่งคือ "การปล่อยสิ่งไม่ดีออกไปจากชีวิต" ความเศร้า ความเสียใจ หรือความรู้สึกผิดที่ติดค้างในใจ บางทีคืนนี้อาจไม่จำเป็นต้องมีใครข้าง ๆ ก็ได้ แต่เพียงแค่คุณได้วางสิ่งที่หนักใจลงในสายน้ำ แล้วมองแสงเทียนลอยห่างออกไป นั่นก็คือการเริ่มต้นใหม่ที่งดงามที่สุดแล้ว ทุกข์เกิดขึ้นที่ใครถ้าเกิดที่เราก็ต้องจบที่เรา การจะพาคนที่เรารักไปเห็นช่วงที่ปลดเปลื้องความลำบาก ภาพของการปล่อยโฮสุดอัดอั้น เป็นผมคงไม่อยากเผยมุมนี้ให้ใครเห็น ลอยกระทงเหมือนเป็นวันแห่งโลกส่วนตัว 3. ไม่ต้องมีคู่ ก็มีความหมาย สังคมชอบตีกรอบว่า “ลอยกระทงต้องมีคู่” แต่ความจริงแล้วมันคือคืนที่ทุกคนควรได้อยู่กับ “ตัวเอง” จะไปลอยกับครอบครัว เพื่อน หรือไปคนเดียว ก็ล้วนมีคุณค่าในแบบของมันเอง เพราะการได้ใช้เวลาทบทวนชีวิตภายใต้แสงจันทร์เต็มดวง ก็เป็นอีกทางหนึ่งของความรัก เพียงแต่เป็น “ความรักที่มอบให้ตัวเอง” ถ้าคุณผู้อ่านเป็นคนไม่แคร์ใครคุณก็แค่นั่งอยู่บ้าน แต่ถ้าคุณเป็นคนที่รู้จักรักตัวเองและอยากจะหาสิ่งดี ๆ ให้ชีวิต ผมว่าการออกมาเปิดหูเปิดตา เดินให้แสงจันทร์อาบหน้ามันไม่ทำให้เรากลายเป็นมนุษย์หมาป่าหรอกครับ กลับกันถ้าเอาแต่นั่งอยู่บ้านเพราะอายคุณจะได้กลายเป็น "หมาหัวเน่า" อย่างแน่นอน 4. คืนพระจันทร์เต็มดวง คือเวลาของการให้อภัย ในบางพื้นที่เชื่อกันว่าการลอยกระทงคือการ “ขอขมา” ต่อสิ่งที่เราทำพลาดในปีที่ผ่านมา ต่อธรรมชาติ ต่อผู้อื่น และต่อตัวเองด้วย หากเรามองวันลอยกระทงเป็นช่วงเวลาแห่งการให้อภัยแทนการคาดหวังความรัก มันก็อาจกลายเป็นคืนที่อบอุ่นที่สุดของปี โดยไม่ต้องมีมือของใครมาจับไว้ก็ได้ คุณไม่มีคู่ , คุณไม่มีใคร , ชวนสาวที่ไหนก็ไม่มีใครเขาอยากไปด้วย เป็นแบบนี้แล้วคุณให้อภัยตัวเองได้ไหม ลอยมันคนเดียวก็ได้ไม่เห็นเป็นไร เราลอยเพื่อให้อภัยในความไม่เพอร์เฟ็คของตัวเอง เพราะเราเองก็แค่ปุถุชนคนธรรมดาคนหนึ่งที่รักง่ายและเจ็บเป็น สรุปสุดท้าย ผมขอจบแบบคม ๆ เลยครับว่าคืนลอยกระทงไม่จำเป็นต้องจับมือใคร เพียงมีหัวใจที่พร้อมปล่อยวางและขอบคุณก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้คืนพระจันทร์เต็มดวงหนนี้สุกสกาว เพราะความหมายแท้จริงของการลอยกระทงไม่ได้อยู่ที่การมีใครลอยด้วย แต่อยู่ที่การได้ปล่อยสิ่งไม่ดีออกไป และเริ่มต้นใหม่ด้วยใจที่เบาลง ขอบคุณที่คลิกเข้ามาอ่านกันนะครับ เครดิตรูปภาพ ภาพหน้าปก จาก FB : กระทรวงวัฒนธรรม รูปที่ 1 จาก FB : กระทรวงวัฒนธรรม รูปที่ 2 จาก FB : กระทรวงวัฒนธรรม รูปที่ 3 จาก FB : กระทรวงวัฒนธรรม รูปที่ 4 จาก FB : กระทรวงวัฒนธรรม เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !