ตลาดหลักทรัพย์ หรือที่เราเรียกกันจนติดปากว่า ตลาดหุ้น หรือ SET นั้น เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่า ได้สร้างเศรษฐี มาแล้ว หลายต่อหลายคน จึงไม่แปลกที่มีนักลงทุน จำนวนมาก และเพิ่มมากขึ้นๆ เข้ามาลงทุนในหุ้น ด้วยความหวังที่จะมั่งคั่ง ร่ำรวย โดยใช้ ตลาดหุ้น เป็นบันได เป็นทางลัด หรือเป็นทางด่วน ไปหาเงินล้าน จากการหวังผลกำไร เป็นกอบเป็นกำ จากการเข้ามาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ค่ะ แต่ไม่ใช่นักลงทุนทุกคน ที่เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นแล้ว จะรวยกันทุกคนเสมอไป มีเพียงส่วนน้อยประมาณ สิบ ถึงยี่สิบเปอร์เซ็นต์ ที่ประสบความสำเร็จ ร่ำรวยเป็นเศรษฐี สิบล้าน ร้อยล้าน พันล้าน หรือหมื่นล้าน และก็มีนักลงทุนอีกมากมาย ที่บาดเจ็บน้อย ไปจนถึงบาดเจ็บสาหัส ที่เรียกกันว่า สิ้นเนื้อประดาตัว เดินหันหลังให้ตลาดหุ้น แบบไม่คิดหวนกลับมาอีกเลย ก็มีให้เห็น เช่นกันค่ะ จากการเกิดโรคระบาด โควิด19 นับจากปลายปี 2562 นั้น เราทุกคนก็คงพอจะเห็นแล้วว่าโรคระบาดนี้ทำให้เกิดความเสียหายที่รุนแรงไปทั่วโลก ไม่เฉพาะแต่เรื่องการเจ็บป่วยและเสียชีวิตของผู้คนเท่านั้น ยังส่งผลกระทบต่อการหยุดชะงักด้านกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และสังคมครั้งใหญ่ หลายธุรกิจต้องหยุดหรือชะลอการดำเนินงาน ซึ่งส่งผลให้เศรษฐกิจซบเซา อัตราการเติบโตอาจติดลบลงเป็นอย่างมากค่ะ ซึ่งนักลงทุนรายย่อย อย่างตัวดิฉันเอง ที่มีการลงทุนเป็นการออมไว้ในหุ้น มาเป็นเวลานานกว่าสิบปี มีความเข้าใจเรื่องความเสี่ยง จากการลงทุนในระดับหนึ่ง เพราะเคยผ่านเหตุการณ์ ที่ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจ และการลงทุนมาหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการเดินขบวนประท้วง จากภัยธรรมชาติ เกิดอุทกภัยน้ำท่วมใหญ่ เมื่อปี 2554 นั้น กลับทำอะไรไม่ถูก เมื่อคราวเกิด Circuit Breaker หรือการเกิดเหตุการณ์ที่ตลาดหลักทรัพย์หยุดทำการซื้อ-ขายโดยอัตโนมัติเป็นการชั่วคราว เมื่อตลาดหุ้นมีความผันผวนรุนแรง และราคาหลักทรัพย์โดยรวมเปลี่ยนแปลงลดลงมาก 2 วันติดกัน ในเดือนมีนาคม ปีที่แล้ว และไม่ได้ตัดสินใจ ซื้อขายหุ้น ในช่วงเวลานั้นเลย ปล่อยทิ้งไว้หลายเดือน ถึงได้มีการปรับพอร์ต เปลี่ยนมาเป็นเพิ่มการลงทุนในกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน (IFF) เพื่อลดความผันผวน ทั้งของราคา และภาวะตลาดค่ะ ดิฉันคิดว่า การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ในครึ่งปีหลังนี้ ยังเต็มไปด้วยความท้าทาย จากการแพร่ระบาดของโควิด19 ที่ยังคาดการณ์ หรือบอกไม่ได้ว่าจะจบ และสิ้นสุดลงเมื่อใด อีกทั้งมูลค่าการซื้อขายที่เบาบางลง ซึ่งบ่งบอกว่าภาวะการซบเซาของตลาดหุ้น แต่ยังมีมุมมองว่าตลาดหุ้นไม่ได้แย่เหมือนกับปีที่ผ่านมา ที่ราคาหุ้นผันผวน และปรับตัวลงอย่างรุนแรง หากเปรียบเทียบกับสถานการณ์ในขณะนี้ อีกทั้งตลาดยังมีความหวังจากการได้รับการ ฉีดวัคซีน ของประชาชน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ และป้องกันการแพร่ระบาด ทั้งเชื่อว่า ความคืบหน้าในการได้รับวัคซีน ครบโดส อย่างทั่วถึงของประชาชนนี้ จะเป็นปัจจัยชี้ขาด ในการขับเคลื่อนการลงทุนหุ้นไทย ในตลาดหลักทรัพย์ แต่ทั้งหมดนี้ เป็นเพียงความคิดเห็น ในข้อมูลและสถานการณ์ในปัจจุบันเท่านั้น ตัวเลข และเปอร์เซ็นต์ การได้รับวัคซีนของประชาชนทั้งประเทศ เป็นเรื่องที่ควรติดตาม ในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ค่ะ บทความโดย Be A Boss! เครดิต ภาพปก โดย Sry85 : wikimedia / ภาพที่ 1 และ 2 แคปภาพโดยผู้เขียน / ภาพที่ 3 แคปภาพโดยผู้เขียน จาก กรมควบคุมโรค ติดตามอ่านบทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ คลิกที่นี่ เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !