การทำงานกับข้อมูลใน Excel มักจะต้องเจอสถานการณ์ที่ต้อง ตรวจสอบความแตกต่างระหว่างสองรายการ (Two Lists) ไม่ว่าจะเป็นรายชื่อลูกค้า, รายการสินค้า, หรือข้อมูลรหัสสินค้า ซึ่งหากทำแบบ Manual ก็คงเสียเวลามาก เพราะต้องไล่ดูทีละแถว วิธีที่ง่ายกว่าและแม่นยำกว่าคือการใช้ Conditional Formatting ร่วมกับฟังก์ชัน COUNTIF เพื่อให้ Excel ทำงานให้เราโดยอัตโนมัติ บทความนี้จะสอนวิธีเปรียบเทียบสองลิสต์ใน Excel อย่างง่ายและชัดเจน โดยเราจะเน้นไปที่สองสิ่งสำคัญคือ การไฮไลต์ค่าที่อยู่ในลิสต์แรก แต่ไม่อยู่ในลิสต์ที่สอง การไฮไลต์ค่าที่อยู่ในลิสต์ที่สอง แต่ไม่อยู่ในลิสต์แรก เพื่อความเข้าใจง่าย เราจะใช้ตัวอย่างจาก NFL Team Lists ทำไมต้องใช้ Conditional Formatting และ COUNTIF? เหตุผลที่ต้องใช้สองเครื่องมือนี้ร่วมกันก็เพราะ Conditional Formatting ช่วยให้เรามองเห็นความแตกต่างได้ทันทีโดยไม่ต้องสร้างคอลัมน์เสริม และ COUNTIF เป็นฟังก์ชันที่ใช้ตรวจสอบการมีอยู่ของข้อมูลในช่วงที่เรากำหนด ทำให้เป็นคู่มือที่สมบูรณ์แบบในการทำการเปรียบเทียบข้อมูล ตัวอย่างข้อมูล เรามีลิสต์สองชุดใน Excel: List 1 (First List): อยู่ในคอลัมน์ A (A1:A18) List 2 (Second List): อยู่ในคอลัมน์ B (B1:B20) เป้าหมายคือหาว่าทีมไหนอยู่ในลิสต์แรกแต่ไม่อยู่ในลิสต์สอง และทีมไหนอยู่ในลิสต์สองแต่ไม่อยู่ในลิสต์แรก 1: ไฮไลต์ค่าที่อยู่ในลิสต์แรก แต่ไม่อยู่ในลิสต์สอง เลือกช่วง A1:A18 ไปที่ Home > Conditional Formatting > New Rule เลือก Use a formula to determine which cells to format ใส่สูตรดังนี้ =COUNTIF($B$1:$B$20, A1) = 0 คลิกปุ่ม Format แล้วเลือกสีที่ต้องการ เช่น พื้นหลังสีส้ม กด OK ทำไมสูตรนี้ถึงใช้ได้? COUNTIF($B$1:$B$20, A1) = 0 จะนับว่าค่าใน A1 ปรากฏใน B1 ถึง B20 กี่ครั้ง ถ้าผลลัพธ์เป็น 0 แปลว่าค่านี้ไม่อยู่ในลิสต์ที่สอง → ไฮไลต์สีส้ม 2: ไฮไลต์ค่าที่อยู่ในลิสต์สอง แต่ไม่อยู่ในลิสต์แรก ทำเหมือนเดิมกับคอลัมน์ B แต่ใช้สูตรนี้แทน: =COUNTIF($A$1:$A$18, B1) = 0 เลือกสีไฮไลต์ที่ต่างออกไป เช่น สีฟ้า เพื่อความชัดเจน ผลลัพธ์ที่ได้ หลังจากตั้งค่าเสร็จแล้ว Excel จะไฮไลต์: ทีมที่อยู่ใน List 1 แต่ไม่อยู่ใน List 2 → สีส้ม ทีมที่อยู่ใน List 2 แต่ไม่อยู่ใน List 1 → สีฟ้า ตัวอย่าง: จาก List 1 ที่ไม่อยู่ใน List 2 เช่น Miami Dolphins, Tennessee Titans จาก List 2 ที่ไม่อยู่ใน List 1 เช่น Denver Broncos, Arizona Cardinals ข้อดีของวิธีนี้ ✅ ไม่ต้องสร้างคอลัมน์ช่วย ✅ อัปเดตอัตโนมัติเมื่อข้อมูลเปลี่ยน ✅ ใช้ได้กับข้อมูลขนาดใหญ่ ✅ สามารถปรับแต่งสีและเงื่อนไขได้ง่าย เคล็ดลับเพิ่มเติม ถ้าต้องการตรวจสอบความแตกต่างแบบ Case Sensitive (ตัวพิมพ์ใหญ่เล็กมีผล) ให้ใช้ฟังก์ชัน EXACT แทน COUNTIF ถ้าต้องการ แสดงเฉพาะผลลัพธ์ที่ไม่ตรงกันใน Sheet ใหม่ สามารถใช้สูตร FILTER (สำหรับ Excel 365) เช่น =FILTER(A1:A18,COUNTIF(B1:B20,A1:A18)=0) สามารถใช้ Data Validation ร่วมกัน เพื่อลดความผิดพลาดจากการกรอกข้อมูลที่ไม่ตรง สรุป การเปรียบเทียบสองลิสต์ใน Excel ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีที่ซับซ้อน เพียงใช้ Conditional Formatting + COUNTIF ก็สามารถหาความแตกต่างได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ วิธีนี้เหมาะสำหรับทั้งการตรวจสอบข้อมูล, ทำรายงาน, หรือเตรียมข้อมูลสำหรับการวิเคราะห์ต่อไป ภาพทั้งหมดโดยผู้เขียน หมีขั้วโลก ทอดกรอบ〔´(エ)`〕 เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !