รีเซต

'ปภ.' กางสถานการณ์น้ำท่วม 15 จังหวัด เร่งระบายน้ำ-สำรวจความเสียหายช่วยเหลือผู้ประสบภัย

'ปภ.' กางสถานการณ์น้ำท่วม 15 จังหวัด เร่งระบายน้ำ-สำรวจความเสียหายช่วยเหลือผู้ประสบภัย
มติชน
4 พฤศจิกายน 2565 ( 12:07 )
69

วันที่ 4 พฤศจิกายน ปภ.รายงานสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ 15 จังหวัด ได้แก่ นครสวรรค์ ขอนแก่น มหาสารคาม กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ อุบลราชธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี สุพรรณบุรี นครปฐม และยะลา รวม 60 อำเภอ 460 ตำบล 3,306 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 185,008 ครัวเรือน ทั้งนี้ ปภ. ได้ประสานจังหวัดดูแลช่วยเหลือผู้ประสบภัยและเร่งระบายน้ำ เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ภัย สำหรับพื้นที่ที่สถานการณ์คลี่คลายแล้ว ให้เร่งฟื้นฟูพื้นที่ เพื่อให้ประชาชนกลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย ในฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) รายงานอิทธิพลของมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ทำให้มีฝนตกหนักถึงหนักมากกับมีลมแรง บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ และอ่าวไทย และความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนยังคงปกคลุมประเทศไทยตอนบน ประกอบกับร่องมรสุมพาดผ่านภาคใต้ตอนกลาง รวมถึงมีการระบายน้ำจากเขื่อนลงแม่น้ำสายหลัก และลำน้ำสาขา ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง และน้ำท่วมขัง โดยในช่วงวันที่ 28 ก.ย. – 4 พ.ย. 65 ได้เกิดอุทกภัย รวม 59 จังหวัด 353 อำเภอ 1,879 ตำบล 11,770 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 528,063 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 12 ราย

ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 14 จังหวัด รวม 58 อำเภอ 458 ตำบล 3,306 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 185,003 ครัวเรือน สถานการณ์ภาพรวมระดับน้ำลดลงทุกจังหวัด ดังนี้
1. นครสวรรค์ น้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอพยุหะคีรี อำเภอโกรกพระ และอำเภอชุมแสง รวม 22 ตำบล 168หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 9,789 ครัวเรือน
2. ขอนแก่น น้ำท่วมในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองขอนแก่น อำเภอน้ำพอง อำเภอหนองนาคำ และหนองเรือ รวม 9 ตำบล 34 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,162 ครัวเรือน
3. มหาสารคาม น้ำท่วมในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองมหาสารคาม อำเภอกันทรวิชัย อำเภอโกสุมพิสัย และอำเภอเชียงยืน รวม 46 ตำบล 562 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 10,740 ครัวเรือน
4. กาฬสินธุ์ น้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอฆ้องชัย และอำเภอกมลาไสย รวม 7 ตำบล 42 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,069 ครัวเรือน
5. ร้อยเอ็ด น้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอจังหาร อำเภอเชียงขวัญ และอำเภอทุ่งเขาหลวง รวม 10 ตำบล 54 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,773 ครัวเรือน

6. ศรีสะเกษ น้ำท่วมในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองศรีสะเกษ อำเภอกันทรารมย์ อำเภอราษีไศล และอำเภอยางชุมน้อย รวม 24 ตำบล 168 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 7,138 ครัวเรือน อพยพประชาชน 913 ครัวเรือน ไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราว 35 จุด มีผู้เสียชีวิต 3 ราย
7. อุบลราชธานี น้ำท่วมในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองอุบลราชธานี อำเภอวารินชำราบ อำเภอสว่างวีระวงศ์ อำเภอตาลสุม อำเภอดอนมดแดง และอำเภอพิบูลมังสาหาร รวม 21 ตำบล 117 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 5,705ครัวเรือน อพยพประชาชน 183 ชุมชน ไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราว 102 จุด
8. ชัยนาท น้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองชัยนาท อำเภอวัดสิงห์ และอำเภอมโนรมย์ รวม 11 ตำบล 48 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 3,200 ครัวเรือน
9. สิงห์บุรี น้ำท่วมในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภออินทร์บุรี อำเภอเมืองสิงห์บุรี อำเภอท่าช้าง อำเภอพรหมบุรี อำเภอบางระจัน และอำเภอค่ายบางระจัน รวม 21 ตำบล 149 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 3,971 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 6 ราย
10. อ่างทอง น้ำท่วมในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอวิเศษชัยชาญ อำเภอป่าโมก อำเภอไชโย อำเภอเมืองอ่างทอง อำเภอโพธิ์ทอง และอำเภอแสวงหา รวม 52 ตำบล 319 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 26,008 ครัวเรือน

11. พระนครศรีอยุธยา น้ำท่วมในพื้นที่ 8 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเสนา อำเภอผักไห่ อำเภอบางบาล อำเภอบางไทร อำเภอบางปะอิน อำเภอพระนครศรีอยุธยา อำเภอบางซ้าย และอำเภอลาดบัวหลวง รวม 103 ตำบล 719 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 67,806 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 1 ราย
12. ปทุมธานี น้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองปทุมธานี และอำเภอสามโคก รวม 21 ตำบล 62 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 5,771 ครัวเรือน
13. สุพรรณบุรี น้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองสุพรรณบุรี อำเภอบางปลาม้า และอำเภอสองพี่น้อง รวม 43 ตำบล 271 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 26,105 ครัวเรือน
14. นครปฐม น้ำท่วมในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอสามพราน อำเภอบางเลน อำเภอนครชัยศรี และอำเภอกำแพงแสน รวม 68 ตำบล 593 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 14,766 หมู่บ้าน

ขณะที่เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2565 เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมในพื้นที่จังหวัดยะลา 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเบตง และอำเภอบันนังสตา รวม 2 ตำบล ประชาชนได้รับผลกระทบ 5 ครัวเรือน ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว

สำหรับการให้ความช่วยเหลือกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดที่ประสบภัยได้ประสานจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งระบายน้ำท่วมและช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง พร้อมจัดเจ้าหน้าที่เข้าสำรวจประเมินความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ต่อไป สำหรับพื้นที่ที่สถานการณ์คลี่คลายแล้วได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว โดยทำความสะอาดบ้านเรือนประชาชน สิ่งสาธารณประโยชน์ สถานที่ราชการ และซ่อมแซมระบบสาธารณูปโภค รวมถึงเส้นทางคมนาคมให้ใช้งานได้ตามปกติ เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด

ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัย สามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับ แจ้งเหตุ 1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM และสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ ประชาชนยังสามารถติดตามประกาศการแจ้งเตือนภัยได้ที่แอปพลิเคชัน “THAI DISASTER ALERT”

ข่าวที่เกี่ยวข้อง