Levi’s ปรับกลยุทธ์รุกตลาดพรีเมียมรับดีมานด์โตแรง

Levi Strauss & Co. แบรนด์ยีนส์ระดับตำนานจากสหรัฐฯ เตรียมเดินหน้าขยายการจำหน่ายยีนส์รุ่น Blue Tab ซึ่งเป็นไลน์สินค้าพรีเมียมราคาเฉลี่ย 300 ดอลลาร์สหรัฐ ราว 9,756 บาท ไปยังร้านค้าทั่วโลกในปีหน้า หลังเปิดตัวในเอเชียเมื่อต้นปีและได้รับการตอบรับอย่างแข็งแกร่งจากผู้บริโภคในตลาดยุโรปและสหรัฐฯ

Harmit Singh ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินและการเติบโตของบริษัท เปิดเผยกับสำนักข่าว Reuters ว่า ยอดขายของ Blue Tab ในตลาดนำร่องเกินความคาดหมายและบริษัทมีแผนจะขยายสเกลการผลิตเต็มรูปแบบในปี 2026 โดยสินค้ากลุ่มนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากผ้ายีนส์เซลเวดจ์ (Selvedge Denim) จากญี่ปุ่น ซึ่งมีเอกลักษณ์ด้านเนื้อผ้าที่แน่น แข็งแรง และการตัดเย็บประณีต

ในยุโรป ยีนส์ Blue Tab วางจำหน่ายในราคาประมาณ 250–350 ยูโร ขณะที่เสื้อแจ็กเก็ตอยู่ที่ราว 700 ยูโร สูงกว่าสินค้าในไลน์หลัก Red Tab ที่จำหน่ายระหว่าง 70–130 ยูโร ทั้งนี้ Red Tab เป็นกลุ่มสินค้าระดับกลางที่สร้างรายได้หลักให้กับ Levi’s มายาวนาน ขณะที่ Blue Tab ถูกวางตำแหน่งให้เป็นสินค้าหรู เพื่อยกระดับภาพลักษณ์และขยายฐานลูกค้าใหม่

Harmit Singh ระบุว่า ตลาดยีนส์พรีเมียมแม้จะคิดเป็นเพียงร้อยละ 10 ของตลาดยีนส์โลกมูลค่าราว 100,000 ล้านดอลลาร์ แต่มีอัตราการเติบโตเร็วกว่าเซกเมนต์ทั่วไปที่ขยายตัวเพียงระดับกลางตัวเลขหลักเดียว การเข้าสู่ตลาดพรีเมียมจึงเป็นโอกาสสำคัญของ Levi’s ในการสร้างมูลค่าเพิ่มต่อแบรนด์

ในแง่การออกแบบ Blue Tab มุ่งเน้นดีไซน์ที่สะท้อนความหรูหราแต่ยังคงเอกลักษณ์ดิบเท่ของ Levi’s โดยใช้ผ้ายีนส์ทอด้วยเครื่องทอแบบดั้งเดิมที่ให้ขอบผ้าแน่นและสวยงาม ซึ่งถือเป็นจุดขายสำคัญของกลุ่มลูกค้าระดับบนที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพและความประณีต

ปัจจุบัน Levi’s รายงานรายได้ต่อปีอยู่ที่ 6.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และเคยตั้งเป้าหมายเพิ่มรายได้แตะ 1 หมื่นล้านดอลลาร์ภายในปี 2027 แต่ต้องชะลอแผนในช่วงการระบาดของโควิด-19 เนื่องจากภาวะเงินเฟ้อสูง อย่างไรก็ตาม หลังรายได้กลับมาเติบโตในระดับตัวเลขหลักเดี่ยวช่วงที่ผ่านมา บริษัทเตรียมประกาศเป้าหมายใหม่ในปีหน้า

Harmit Singh ยังเผยว่า Levi’s คาดการณ์ฤดูกาลช้อปปลายปีนี้จะทำผลงานได้ดี โดยลูกค้ามีความเชื่อมั่นในการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น และบริษัทจะคุมการทำโปรโมชั่นลดราคาให้น้อยที่สุด พร้อมเดินหน้าขยายไลน์เสื้อผ้าแฟชั่นที่ไม่ใช่ยีนส์ เพื่อดึงกลุ่มลูกค้าใหม่ เช่น การร่วมมือกับแบรนด์ดังอย่าง Barbour และ Nike

นอกจากนี้ Levi’s ยังเปิดช่องให้ความเป็นไปได้ในการเข้าซื้อกิจการแบรนด์ใหม่เพื่อเร่งการเติบโต หลังจากเคยซื้อกิจการ Beyond Yoga เมื่อปี 2021 มูลค่า 150 ล้านดอลลาร์ เพื่อขยายสู่ตลาดเสื้อผ้าไลฟ์สไตล์และผู้หญิง