มีหนังสือการลงทุนหุ้นมากมายตามแผงหนังสือ แต่จะไม่มีเล่มไหนที่จะแนะนำมือใหม่ได้เหมือนอย่าง เรียนหุ้นกับปีเตอร์ ลินซ์ (Learn to Earn) อีกแล้ว หนังสือเล่มนี้เขียนโดย Peter Lynch และ John Rothchild แปลโดย พิริยะ พาณิชย์ชะวงศ์ ที่บอกว่าไม่เหมือนคนอื่น เพราะเป็นการชี้แนะเหตุผลที่ควรลงทุนหุ้นด้วยเหตุผลทางประวัติศาสตร์ของระบบทุนนิยม อีกทั้งยังไม่ใช่การสอนแบบ How to แต่เป็นการเปิดภาพให้เราได้เห็นความสำคัญของการลงทุนหุ้นให้มือใหม่ได้เห็นภาพที่ชัดเจน โดยการยกตัวอย่างสถานการณ์ในสหรัฐอเมริกาหลายยุคหลายสมัยประกอบกันเนื้อหาภายในเล่มบทนำบทที่ 1 ประวัติศาสตร์ฉบับย่อของระบบทุนนิยมบทที่ 2 พื้นฐานของการลงทุนบทที่ 3 ช่วงชีวิตของบริษัทบทที่ 4 มือที่มองไม่เห็นภาคผนวก การตีความจากตัวเลข การถอดรหัสงบการเงินสิ่งที่ประทับใจและได้เรียนรู้ในมุมมองของครีเอเตอร์ได้เรียนรู้ว่าเมื่อใดที่คนส่วนใหญ่เดิมพันด้วยเงินออมทั้งหมดที่มีไปกับข้อเสนอการลงทุนที่สิ้นหวัง ดูไม่น่าจะเป็นไปได้ สิ่งนั้นจะเรียกว่าฟองสบู่ โดยนักลงทุนที่ไม่รู้ก็จะจ่ายเงินในราคาที่สูงเกินควรไปกับการลงทุนนั้นๆได้เรียนรู้ว่าการลงทุนในรูปของบัญชีออมทรัพย์ กองทุนรวมตลาดเงิน ตั๋วเงินคลัง และตั๋วเงินฝาก มีข้อดีคือจะได้รับผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยและได้คืนมาในเวลาไม่นาน แทบจะไม่มีความเสี่ยงหรือมีความเสี่ยงที่น้อยมากๆ แต่ผลตอบแทนที่คาดหวังได้ก็น้อยตามลงไปด้วยได้เรียนรู้เกี่ยวกับการลงทุนเป็นของสะสมล้ำค่า มันจะเป็นของมีค่าได้ก็ต่อเมื่อในอนาคตผู้คนยังมีความต้องการในของสะสมนั้นอยู่ อีกทั้งยังมีเรื่องของเก็บรักษา หากว่ามันสูญหาย ถูกขโมย หรือแปรสภาพผิดรูปผิดส่วน มีตำหนิรอยขีดข่วน มันก็ทำให้มูลค่าของมันลดลงจนแทบจะไร้ค่าไปเลยก็ได้ได้เรียนรู้ว่าการลงทุนในบ้านหรืออพาร์ตเมนต์นั้น มีข้อดีในเรื่องของการอยู่อาศัยเองหรือปล่อยให้ผู้อื่นเช่าได้ ทั้งนี้ความเสี่ยงของมันคือเรื่องของทำเล การจัดการกับผู้เช่า สัญญาเงินกู้ และส่วนต่างราคาที่เพิ่มขึ้นของตัวอสังหาริมทรัพย์ มันจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นตามกาลเวลาก็จริง แต่ก็จะมีสภาพคล่องต่ำ คือขายต่อได้ยาก เนื่องจากมันมีราคาสูงนั่นเองได้เรียนรู้ว่าการลงทุนในพันธบัตรเปรียบเสมือนตัวผู้ลงทุนเป็นเจ้าหนี้ที่กำลังปล่อยกู้ให้กับผู้ออกพันธบัตร ซึ่งมีทั้งรัฐบาลและเอกชน แต่เอกชนจะเรียกว่าหุ้นกู้ ทั้งนี้ความเสี่ยงจากการลงทุนในพันธบัตรคือการผิดนัดชำระหนี้ (แต่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก) และที่น่ากลัวกว่าก็คือเงินเฟ้อ เพราะการลงทุนในพันธบัตรมีระยะเวลาการชำระและวงเงินชำระที่แน่นอนได้เรียนรู้ว่าการลงทุนในหุ้นแบบลงทุนระยะยาวแล้วสามารถเอาชนะเงินเฟ้อได้ ไม่ต้องกังวลว่าทรัพย์สินจะถูกทำลายหรือสึกหรอตามกาลเวลา การซื้อหุ้นเปรียบเสมือนว่าเราเป็นหนึ่งในเจ้าของบริษัท ถ้าบริษัทมีกำไร มีจ่ายปันผล เราก็ได้อานิสงส์ด้วย ยิ่งบริษัทต้องหาความก้าวหน้าด้วยแล้ว เรายิ่งได้เงินปันผลเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ต่างจากพันธบัตรที่ไม่มีการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยให้เลยได้เรียนรู้ว่าบริษัทที่มีกำไรมาก จะมี 4 ทางเลือกในการนำเงินไปใช้1.เติมเงินเข้าไปในธุรกิจ เพื่อขยายการลงทุนเพิ่มเติม2.ผู้บริหารใช้เงินตามใจชอบ เช่น เครื่องบินส่วนตัว ตกแต่งห้องด้วยเฟอร์นิเจอร์ราคาแพง หรือขึ้นเงินเดือนผู้บริหารเป็นสองเท่า3.ซื้อหุ้นคืน และนำตัวเองออกจากตลาด เพราะหุ้นที่มีจำนวนลดลง จะทำให้หุ้นที่เหลือมีมูลค่าเพิ่มขึ้นทันที ซึ่งเป็นประโยชน์กับผู้ถือหุ้น โดยเฉพาะการซื้อหุ้นของตัวเองคืนในช่วงราคาถูก4.จ่ายเป็นเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้น ทั้งนี้มันก็ไม่ดีอยู่อย่างหนึ่งคือมันเสียโอกาสในการลงทุนเพิ่มเติมไป แต่เงินปันผลก็เป็นสิ่งที่ผู้ถือหุ้นคาดหวังเช่นกันได้เรียนรู้ว่า ไม่ว่าจะเป็นบริษัทที่แข็งแกร่งและเรืองอำนาจแค่ไหนในวันนี้ มันก็ไม่สามารถจะเป็นผู้ชนะได้ตลอดไป การที่มีการจัดอันดับว่ามันเป็นหุ้นชั้นดี หรือ บริษัทระดับโลก ไม่สามารถการันตีว่ามันจะยั่งยืนเช่นนั้นได้ตลอดไป ตัวอย่างหุ้นแบบนี้มีให้เห็นในอเมริกามาหลายครั้งจวบจนปัจจุบันการนำไปใช้ในชีวิตประจำวันของครีเอเตอร์รู้จักมองสิ่งต่างๆที่ใช้ในชีวิตประจำวันว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้มีอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ และเราเป็นคนลงทุนในกิจการเหล่านี้ได้ด้วยการซื้อหุ้นรู้จักวางแผนการเงินให้มีสภาพคล่องเพียงพอ ไม่ให้หมดเงินไปกับการผ่อนบ้าน ผ่อนรถยนต์ มันเป็นหนี้สินเรื้อรัง แต่อยากให้มีเงินเหลือไปลงทุนในหุ้นด้วยรู้จักนิยามของการลงทุนระยะยาวมากขึ้นว่ามันช่วยป้องกันความเสี่ยงได้อย่างไร สำหรับมนุษย์เงินเดือนอย่างเรา เป้าหมายของการลงทุนคือการเอาชนะเงินเฟ้อ และการลงทุนในหุ้นกิจการแข็งแกร่งแบบยาวนานก็จะช่วยได้ได้เรียนรู้ว่ามีปัจจัยมากมายในการเลือกซื้อหุ้น ทั้งเรื่องของค่า P/E อัตราการทำกำไรของบริษัทในไตรมาสล่าสุด อัตราของผลตอบแทนและการจ่ายปันผล เป็นต้นเรียกได้ว่าหนังสือเล่มนี้ให้คำนิยามและเปรียบเทียบให้เห็นภาพชัดขึ้นสำหรับมือใหม่ลงทุนหุ้น ถึงแม้ว่าเนื้อหาจะมีน้ำมากกว่าเนื้ออยู่บ้าง อีกทั้งการใช้ภาษาก็ค่อนข้างลึกพอสมควร ถ้าเป็นนักลงทุนมือเก๋าจะเข้าใจเนื้อหาเล่มนี้ดี แต่สำหรับมือใหม่จริงๆก็อาจจะมองว่าหนังสือเล่มนี้เข้าใจยาก โชคดีที่ผู้แปลก็วงเล็บขยายความให้ผู้อ่านเข้าใจมากขึ้นด้วยตัวผู้เขียนคือปีเตอร์ ลินซ์ นักลงทุนที่มีชื่อเสียงระดับโลก ทำให้ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมหนังสือเล่มนี้ถึงขายดีอย่างต่อเนื่อง ใช่ว่าเล่มนี้จะเหมาะกับมือใหม่เพียงอย่างเดียว สำหรับนักลงทุนมือเก๋าก็สามารถอ่านเล่มนี้ได้ ถือเป็นการทบทวนขั้นเบสิก และย้ำเตือนว่าการลงทุนหุ้นระยะยาวมันสำคัญอย่างไร เพื่อไม่ให้ไขว้เขวไปกับการลงทุนระยะสั้นที่เกิดขึ้นจากความโลภ ความกลัว และความผันผวนของตลาดที่เกิดขึ้นเป็นประจำเครดิตภาพภาพปก โดย topntp26 จาก freepik.comภาพที่ 1 และ 2 โดยผู้เขียนภาพที่ 3 โดย rawpixel.com จาก freepik.comภาพที่ 4 โดย pikisuperstar จาก freepik.com บทความอื่นๆที่น่าสนใจรีวิวหนังสือ กุญแจอ่านงบการเงินรีวิวหนังสือ Super Stock ในตลาดหุ้นเวียดนามรีวิวหนังสือ ลงทุนหุ้นท่ามกลางวิกฤติ โดย ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากรรีวิวหนังสือ การลงทุนที่ดีที่สุดสำหรับมนุษย์เงินเดือนรีวิวหนังสือ ฝ่าวิกฤติหุ้นด้วย VI พันธุ์แท้ โดย ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากรชวนแต่งแฟนซี หลอน สวย เซ็กซี่หรือสร้างสรรค์ ถ่ายภาพหรือวิดีโอ แล้วโพสต์ที่ TrueID Community ห้อง "13 สยองขวัญ"สำหรับผู้ที่ยอดกดไลค์สูงสุด 5 อันดับแรกอันดับที่1 : (ต้องมียอดไลค์เกิน 150 ไลค์) เงินรางวัล 3,000 บาทอันดับที่ 2-5: (ต้องมียอดไลค์เกิน 50 ไลค์) เงินรางวัล รางวัลละ 1,000 บาท (รวม 4 ท่าน 4,000 บาท)STAR COVER ส่งภาพเข้ามาได้ตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคม 65 ถึง 3 พฤศจิกายน 65***