รีเซต

อธิบดีกรมสรรพากรลงนามสหรัฐแลกเปลี่ยนข้อมูลการเงินตามข้อตกลงFATCAเรียบร้อยแล้ว

อธิบดีกรมสรรพากรลงนามสหรัฐแลกเปลี่ยนข้อมูลการเงินตามข้อตกลงFATCAเรียบร้อยแล้ว
ทันหุ้น
27 มิถุนายน 2567 ( 16:20 )
8

อธิบดีกรมสรรพากรลงนามกับสหรัฐอเมริกาเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลการเงินระหว่างกันตามข้อตกลง FATCA เรียบร้อยแล้ว วัตถุประสงค์เพื่อป้องกันการเลี่ยงภาษีระหว่างประเทศ ด้าน”พิชัย”ยืนยันจะแก้ปัญหาที่เป็นอุปสรรคต่อการลงทุน เพื่อดึงนักลงทุนเข้าประเทศ ตั้งเป้าดึงจีดีพีปีนี้ให้โตใกล้ 3%ส่วนปีหน้าจะผลักดันให้ได้เกิน 3%

 

#ทันหุ้น รายงานข่าวจากกรมสรรพากรเปิดเผยว่า กรมสรรพากรได้เริ่มแลกเปลี่ยนข้อมูลบัญชีทางการเงินตามความตกลง FATCA กับประเทศสหรัฐอเมริกาแล้ว โดยอธิบดีกรมสรรพากรในฐานะเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของประเทศไทย และเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของประเทศสหรัฐอเมริกาได้ลงนามในข้อตกลงระหว่างเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจแห่งราชอาณาจักรไทยและประเทศสหรัฐอเมริกาเรียบร้อยแล้ว

 

ทั้งนี้ กรณีดังกล่าวเป็นไปตามที่ประเทศไทยได้ลงนามในความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อความร่วมมือในการปรับปรุงการปฏิบัติตามการภาษีอากรระหว่างประเทศ(ความตกลง FATCA) ซึ่งเป็นความตกลงเพื่อการแลกเปลี่ยนข้อมูลบัญชีทางการเงินแบบอัตโนมัติ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันการหลีกเลี่ยงภาษีระหว่างประเทศ สร้างความโปร่งใสทางภาษีและเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดเก็บภาษีของภาครัฐ

 

“กรมฯขอเรียนว่า อธิบดีกรมสรรพากรในฐานะเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของประเทศไทย และเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของประเทศสหรัฐอเมริกาได้ลงนามในข้อตกลงระหว่างเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจแห่งราชอาณาจักรไทยและประเทศสหรัฐอเมริกา (Competent Authority Arrangement: CAA) (ข้อตกลง CAA) เพื่อรองรับการปฏิบัติตามความตกลง FATCA เรียบร้อยแล้ว ส่งผลให้ประเทศไทยสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลตามความตกลง FATCA โดยผู้มีหน้าที่รายงานสามารถรายงานข้อมูลบัญชีทางการเงินตามความตกลง FATCA ผ่านระบบ International Data Exchange Service (IDES) ได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป”

 

ด้านนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกล่าวในระหว่างปาฐกถา เรื่อง Thailand Investment Opportunity ที่จัดโดยกรุงเทพธุรกิจว่า ประเทศไทยพร้อมแก้ไขปัญหา Pain point ของการลงทุนภายในประเทศ โดยสิ่งที่นักลงทุนที่อยากมาลงทุนในประเทศไทย ต้องการให้รัฐบาลทำมี 5 ด้าน คือ 1.การทำธุรกิจในประเทศไทยให้ขั้นตอนต่างๆง่ายขึ้น ( Ease of Doing Business) 2.การขอ VISA 3. ซื้อที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองไม่ได้ แม้ว่าจะอยู่ในประเทศไทยมานานกว่า 10 ปี 4.ขาดวิศวกรในด้านอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเรื่องนี้พอแก้ไขได้ เนื่องจากนักลงทุนพร้อมช่วยฝึกอบรมให้ 5.Green Energy ที่นักลงทุนต้องการ ซึ่งภาครัฐต้องช่วยลงทุนทำโครงสร้างพื้นฐานด้านนี้ให้

 

เขากล่าวว่า การที่นายกรัฐมนตรี เดินทางไปต่างประเทศเพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศนั้น เริ่มเห็นผล ซึ่งจะมีการลงทุนขนาดใหญ่ทยอยเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ทั้งนี้ ปัจจุบัน มีบริษัทผลิตรถ EV ของจีน จะเข้ามาลงทุนสร้างโรงงานประกอบรถยนต์ EV และแบตเตอรีในประเทศไทย โดยเฉพาะโรงงานแบตเตอรี ที่ในเฟสแรกจะนำเข้ามาประกอบในประเทศไทย แต่ในระยะต่อไป น่าจะสามารถผลิต แบตเตอรี่ในระดับ Cell ในประเทศไทยได้ ,ส่วนเทคโนโลยี Semi conductor ซึ่งเป็นหัวใจของภาคอุตสาหกรรมในปัจจุบัน ในระยะแรก อาจจะเริ่มจากการมีโรงงาน IC Design ก่อน

 

ในส่วนของการลงทุนใน Data Center ซึ่งทาง Google ต้องการเข้ามาลงทุนในประเทศไทย แต่ต้องการให้รัฐบาลสัญญา ว่าจะต้องทำ Green Energy ที่มากพอ และส่งตรงเข้าสู่โรงงานได้เลย

 

นอกจากนี้ ประเทศไทยต้องการดึงดูดให้ธุรกิจข้ามชาติ เข้ามาตั้ง Regional Hub และ Financial Hub ในประเทศไทย โดยเฉพาะในเรื่อง financial Hub เฟสแรก อาจเริ่มจากการที่ให้ทำในเรื่อง Wealth Investment สำหรับลูกค้าชาวต่างชาติ ก่อน

 

เขากล่าวว่า เราจำเป็นต้องปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจของประเทศ เพื่อสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจให้กับประเทศ ซึ่งในช่วงปี 2523-2543 ประเทศไทยเคยเติบโตในระดับที่สูง 7-9% และบางปีเคยเติบโตระดับเลขสองหลัก แต่หลังจากนั้นการขยายตัวลดต่ำลงมาโดยตลอด โดยในช่วง 20ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยขยายตัวในระดับที่ต่ำโดยในช่วงตั้งแต่ โควิด คือปี 2563 จนถึงปัจจุบัน เศรษฐกิจไทยขยายตัวเฉลี่ยเพียง 0.4% โดยปีที่แล้วขยายตัวเพียง 1.9 % ขณะที่ ศักยภาพของไทย หากไม่มีการใส่นโยบายอะไรลงไปเลยควรจะขยายตัวได้ที่ 3.5 %

 

สำหรับปีนี้ ที่สภาพัฒน์คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ 2.4 -2.5%นั้น แต่รัฐบาลพยายาม ที่จะผลักดันมาตรการต่างๆ เพื่อให้จีดีพีขยายตัวได้ใกล้เคียง 3 % และปีหน้า คาดว่าจะทำได้เกิน 3 % ทั้งนี้ สำหรับปัญหาของตลาดทุนอยู่ที่ความเชื่อมั่น ทางกระทรวงการคลังจะพยายามแก้ไขปัญหาโดยเฉพาะในเรื่องของการนำผู้กระทำความผิดมาลงโทษ โดยการแก้ไขกฎหมายของก.ล.ต.จะต้องดำเนินการโดยเร็วเพื่อออกมารองรับ

 

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง