ควันไฟป่าจากโลกร้อน คร่าชาวอเมริกันกว่า 15,000 คน ในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา
การศึกษาล่าสุดได้เผยให้เห็นถึงผลกระทบที่สำคัญของไฟป่าที่เกิดจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศในสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะในเรื่องของสุขภาพและเศรษฐกิจที่เกิดจากควันไฟที่แพร่กระจายไปทั่วประเทศ ควันจากไฟป่าที่เกิดขึ้นในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา ทำให้ประชาชนเสียชีวิตมากถึง 15,000 คน และทำให้เกิดค่าใช้จ่ายทางเศรษฐกิจสูงถึงประมาณ 5.28 ล้านล้านบาท (160,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ตามการศึกษาที่เผยแพร่ในวารสาร Nature Communications Earth & Environment เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2025
การศึกษาครั้งนี้ได้ระบุว่า ตั้งแต่ปี 2006 ถึง 2020 ไฟป่าที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้สร้างความเสียหายที่ยากจะประเมิน โดยมีผู้เสียชีวิตจากการสัมผัสกับอนุภาคขนาดเล็กจากควันไฟป่ามากถึง 15,000 คน และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการจัดการไฟป่าและการรักษาผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบจากมลพิษทางอากาศนี้สูงถึง 5.28 ล้านล้านบาท
ผลกระทบจากควันไฟป่ามีความรุนแรงต่อสุขภาพ โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็ก, ผู้สูงอายุ, และคนที่มีโรคประจำตัว การสัมผัสกับอนุภาคขนาดเล็ก PM2.5 ซึ่งเป็นอนุภาคที่มีขนาดเล็กและสามารถเข้าไปในปอดได้ลึก ส่งผลกระทบต่อการทำงานของระบบทางเดินหายใจและระบบหัวใจ การสะสมของอนุภาคเหล่านี้ในร่างกายสามารถทำให้เกิดโรคเรื้อรัง เช่น โรคหอบหืด, โรคหัวใจ, และโรคมะเร็งปอด
การศึกษายังพบว่าในบางรัฐของสหรัฐฯ เช่น ออริกอนและแคลิฟอร์เนีย มีผู้เสียชีวิตจากการสัมผัสควันไฟป่าสูงกว่าที่อื่นถึง 30% ถึง 50% เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของการเกิดไฟป่าจากสภาพอากาศที่แห้งและร้อนขึ้น โดยมีหลักฐานชัดเจนว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล เช่น ถ่านหิน, น้ำมัน, และก๊าซธรรมชาติ เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดไฟป่าในแถบอเมริกาเหนือ
การศึกษานี้ยังเผยให้เห็นถึงวิธีการที่นักวิจัยใช้ในการประเมินผลกระทบจากไฟป่าโดยการนำข้อมูลการเกิดไฟป่าในช่วงเวลาที่ผ่านมา มาทำการจำลองสภาพอากาศที่เกิดขึ้นในกรณีที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และเปรียบเทียบกับสถานการณ์จริงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งในช่วงเวลา 15 ปีนี้มีผู้เสียชีวิตจากการสัมผัสกับควันไฟป่าถึง 164,000 คน โดย 10% ของการเสียชีวิตนั้นเกิดจากผลกระทบของวิกฤตสภาพภูมิอากาศ
การศึกษานี้ชี้ให้เห็นถึงค่าใช้จ่ายทางเศรษฐกิจที่สูงลิ่วจากผลกระทบของไฟป่า ซึ่งไม่ได้จำกัดเพียงแค่การจัดการไฟป่าและการรักษาผู้ป่วย แต่ยังรวมไปถึงการสูญเสียผลผลิตทางเศรษฐกิจจากการที่คนไม่สามารถทำงานได้ หรือธุรกิจต่าง ๆ ต้องหยุดชะงักจากการระบาดของควันไฟที่ทำให้อากาศไม่สามารถหายใจได้อย่างปลอดภัย
การวิจัยครั้งนี้ยังช่วยกระตุ้นให้เห็นถึงความจำเป็นในการรับมือกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศในระดับโลก โดยการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเพิ่มขึ้นของไฟป่า นอกจากนี้ การจัดการที่ดิน เช่น การเผาไหม้ที่ควบคุมได้ ก็เป็นวิธีหนึ่งที่สามารถช่วยลดความเสี่ยงจากไฟป่าได้
การศึกษาครั้งนี้เป็นเครื่องยืนยันถึงความเชื่อมโยงระหว่างวิกฤตสภาพภูมิอากาศกับการเกิดไฟป่า และผลกระทบที่เกิดจากควันไฟที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ขณะเดียวกัน ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการดำเนินการที่เป็นรูปธรรมเพื่อรับมือกับภัยพิบัติที่เกิดจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งไม่เพียงแต่จำเป็นต้องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเท่านั้น แต่ยังต้องพัฒนานโยบายการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและการจัดการไฟป่าที่มีประสิทธิภาพเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบที่รุนแรงยิ่งขึ้นในอนาคต