ประเทศไทยนั้นมีสมุนไพรอยู่มากมายหลายชนิด และได้รับยกย่องจากประเทศอื่นในด้านของความรู้ด้านพืชสมุนไพร ซึ่งก็ได้มีการนำสมุนไพรหลายชนิดไปทำการวิจัย จนได้ตัวยาที่สามารถรักษาโรคที่หายยากได้หลายชนิด แต่คนที่มีความรู้ด้านสมุนไพรนั้นก็มีอยู่ไม่มากนัก อีกทั้งปัจจุบันคนทั่วไปมักไม่ค่อยรู้จักพืชสมุนไพรเท่าไรนัก หรือจะรู้จักก็แค่เพียงไม่กี่ชนิดเท่านั้น จึงทำให้คุณค่าของพืชสมุนไพรนั้นค่อย ๆ ถูกให้ความสำคัญน้อยลง อีกทั้งพืชสมุนไพรบางชนิดก็เริ่มหายากเต็มที ผู้เขียนจึงมีความตั้งใจเป็นอย่างยิ่งในการนำข้อมูลสมุนไพรชนิดต่าง ๆ ทั้งด้านลักษณะและสรรพคุณ เพื่อให้พืชสมุนไพรเหล่านี้กลับมาเป็นที่สนใจมากขึ้น ในบทความนี้ผู้เขียนได้นำข้อมูลของสมุนไพรอีกหนึ่งชนิดที่มีความน่าสนใจ นั่นคือ “โคมญี่ปุ่น” ที่หลายคนอาจคิดว่าเป็นเพียงไม้ประดับที่ปลูกไว้ให้ความสวยงาม ซึ่งที่จริงแล้วพืชชนิดนี้ยังเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณไม่น้อยเลยทีเดียวภาพถ่ายโดยผู้เขียนลักษณะของ “โคมญี่ปุ่น” จริงแล้วพืชชนิดนี้เป็นพืชนำเข้ามาจากต่างประเทศ และถูกนำมาเพาะพันธุ์ในไทยมานานแล้ว จัดเป็นพืชล้มลุก ขึ้นเป็นกอ มีใบแผ่กว้างออก คล้ายกับกอของว่านหางจระเข้ แต่ใบจะบางกว่า ใบของมันนั้นจะมีลักษณะอวบน้ำ สีเขียวมีฝ้าขาว หนาและเปราะบาง แบนผิวเรียบปลายใบแหลมออกวนเป็นชั้นม้วนรอบกอ ขอบใบจะเป็นหยักคล้ายใบเรื่อย ขอบปลายใบจะเป็นสีม่วงนิด ๆ โคนใบจะกว้างปลายใบแคบแหลม หากมีดอกจะมีก้านสูงขึ้นออกมาจากกลางกอ เป็นทรงกระบอกคล้ายหลอดยาว ๆ ดอกจะออกเป็นช่อกระจุกที่ปลายก้าน ดอกมีสีส้มคล้ายแคปซูลแต่ปลายแหลมสรรพคุณ “โคมญี่ปุ่น” รักษาแผลไฟไหม้ รักษาแผลน้ำร้อนลวก แก้ร้อนในกระหายน้ำ บำรุงเลือด ลดความดันโลหิต แก้ไข แก้ปวดท้อง ขับปัสสาวะ บำรุงธาตุเมื่อสมัยผู้เขียนเป็นเด็กเห็นมี “โคมญี่ปุ่น” ปลูกอยู่ในกระถางหน้าบ้านหลายต้น ผู้เขียนชอบไปหักใบเล่นเพราะมันจะเป็นเมือก ๆ ดูแปลกดี จนมารู้จากปู่ว่าพืชชนิดนี้คือสมุนไพร ครั้งหนึ่งพี่ชายของผู้เขียนถูกน้ำร้อนลวกที่บริเวณต้นขา จนเป็นแผลบวมพอง ปู่ได้นำใบ “โคมญี่ปุ่น” มาบดจนละเอียดเป็นเนื้อเละแล้วนำมาพอกที่แผล ความเย็นของสมุนไพรทำให้แผลที่บวมเริ่มยุบและหายพองในเวลาไม่นาน ปู่ได้บอกกับผู้เขียนว่าส่วนที่เป็นใบนั้นไม่สามารถนำมารับประทานได้ แต่ส่วนที่เป็นรากนั้นหากนำมาต้ม สามารถดื่มเป็นยาขับปัสสาวะ และแก้ร้อนในกระหายน้ำได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีสรรพคุณเป็นยาบำรุงโลหิตอีกด้วยที่กล่าวมาข้างต้นนั้นเป็นเพียงสรรพคุณบางส่วนที่ผู้เขียนเคยมีประสบการณ์เท่านั้น ซึ่ง “โคมญี่ปุ่น” สามารถนำไปผสมกับสมุนไพรชนิดอื่นเป็นยารักษาโรคได้อีกหลายอาการ และผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความนี้จะทำให้ทุกท่านหันมาให้ความสนใจพืชสมุนไพรมากขึ้น เพื่อช่วยกันอนุรักษ์คุณค่าและภูมิปัญญาดั้งเดิมไว้ให้คงอยู่สืบต่อไปภาพถ่ายโดยผู้เขียน