10 ข้อดีของการใช้ชีวิตในชนบท อยู่บ้านนอกดีกว่าในเมืองอย่างไรสวัสดีค่ะคุณผู้อ่านที่น่ารักทุกคน บทความนี้เราจะมาพูดถึงประเด็นที่หลายคนนั่งคิดนอนคิดกันเป็นเรื่องเป็นราวกันดีกว่าค่ะ นั่นคือเรื่องของความเป็นอยู่ว่าจะอยู่ไหนดี? ในเมืองดีไหม? บ้านนอกล่ะพอไหวเปล่า? จะไปตั้งปักหลักฐานไหนดี? อะไรประมาณนี้เพราะเราต่างก็ต้องการที่อยู่อาศัยใช่ไหมค่ะ และที่อยู่อาศัยก็เป็นปัจจัยสี่ในการดำรงชีวิตของเราทุกคน และตอนนี้หลายคนก็ยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ว่าจะอยู่บ้านนอกหรือในเมืองดี!? และบางคนที่ตอนนี้อยู่ในเมืองก็อยากรู้อยากเห็นว่าคนบ้านนอกเขาอยู่กันยังไง? และขนาดคนบ้านนอกเองบางคนก็ยังมองไม่เห็นเลยว่าทำไมคนในเมืองอยากมาอยู่บ้านนอก!! มันก็น่าคิดนะคะ แต่ความสงสัยจะหายไประดับหนึ่งแน่นอนค่ะ เพราะบทความนี้มีคำตอบมาให้ว่าอยู่บ้านนอกคอกนามีดีอะไรกับเขาไหม โดยเนื้อหาในบทความนี้ผู้เขียนต้องการนำเสนอ 10 ข้อดีของการใช้ชีวิตในชนบทแบบภาพรวมนะคะ ดังนั้นเรามารู้กันดีกว่าค่ะว่าที่ว่ามีดีตั้ง 10 ข้อ มีอะไรกันบ้าง ก่อนจะไปยาวๆ ต้องบอกว่าเนื้อหานี้ได้จากการเก็บรวบรวมข้อมูลของผู้เขียนโดยตรงนะคะ เพราะส่วนตัวนั้นก็เป็นบ้านนอกคนหนึ่งค่ะ เกิดในชนบทที่ตำบลๆ หนึ่ง จะว่าไปตอนเกิดจริงๆ นั้นยังเป็นกิ่งอำเภอด้วยซ้ำไปค่ะ และอำเภอที่เป็นบ้านเกิดของผู้เขียนจะอยู่ติดชายแดนเขมร ไม่มีห้างใหญ่ ไม่มีเคเอฟซี ไม่มีโลตัส ไม่มี บ.ข.ส. ไม่มีโรงงานอุตสาหกรรมและไม่มีอีกหลายๆ อย่างค่ะ พูดมาขนาดนี้แล้วพอจะบ้านนอกเข้าขั้นหรือยังค่ะ และถึงแม้ว่าหลังจากเรียนจบมัธยมแล้วผู้เขียนจะไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านเกิดก็ตาม แต่ตั้งแต่เกิดและตลอดระยะเวลาที่ได้มีโอกาสใช้เวลาที่บ้านเกิดนั้น ผู้เขียนยังมองว่าความเป็นบ้านนอกยังมีให้เห็นทุกครั้งที่กลับไปที่บ้านเกิดค่ะ โดย 10 ข้อดีของการใช้ชีวิตในชนบทที่คนในเมืองไม่เคยรู้ คนบ้านนอกก็ยังมองไม่เห็น มีดังนี้ค่ะ1. ความเงียบสงบ ประเด็นนี้ไม่ได้หมายความว่าเงียบทุกที่และตลอดเวลานะคะ แต่โดยภาพรวมเงียบกว่าในเมือง เพราะการจราจรที่น้อยกว่า ไม่มีเสียงดังจากแหล่งอุตสาหกรรม และความสงบเงียบสงบนี้ทำให้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นเมื่อเทียบกับในเมืองค่ะ ซึ่งมีส่วนช่วยให้เรารู้สึกผ่อนคลายและคลายความเครียดในชีวิตประจำวันได้ง่ายขึ้นค่ะ บางจุดเงียบมากถึงขนาดว่าทำให้รู้สึกง่วงได้เลยค่ะ เช่น ที่บ้านสวนของแม่ของผู้เขียนนะคะเงียบมาก สามารถนอนหลับยาวๆ ได้เลยแบบไม่มีทางสะดุ้งตื้นจากเสียงดังจากบางอย่างเหมือนในเมืองค่ะ2. มีอากาศบริสุทธิ์ ในชนบทมีแหล่งของอากาศที่บริสุทธิ์และสะอาดกว่าในเมืองค่ะ ขอยืนยันอีกเสียงค่ะ อากาศบริสุทธิ์ดูยังไง? ง่ายสุดก็ดูที่ฝุ่นละอองในอากาศค่ะ เนื่องจากในชนบทมีแหล่งมลพิษน้อยกว่าในเมือง จึงทำให้อากาศมีการปนเปื้อนจากมลพิษน้อยกว่าในเมืองค่ะ อากาศบริสุทธิ์จึงพบเห็นได้และกลายเป็นเรื่องปกติของคนบ้านนอกค่ะ3. ใกล้ชิดกับธรรมชาติ การอยู่ในชนบทง่ายมากค่ะที่จะมีโอกาสใกล้ชิดกับธรรมชาติมากขึ้น เพราะอยู่ใกล้เขตป่าเขตภูเขา และโดยภาพรวมสิ่งแวดล้อมในชนบทยังคงสภาพเดิม จึงทำให้พบเห็นพืชพันธุ์แปลกตา แมลงและสิ่งมีชีวิตที่หลากหลายค่ะ จะว่าคนในชนบทไม่จำเป็นต้องไปเดินป่าที่ต่างจังหวัดก็ได้ค่ะ เพราะว่าทุกๆ วันก็สามารถเพลิดเพลินกับสิ่งแวดล้อมที่ดีรอบตัวได้คล้ายไปเดินป่าค่ะ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือสมมติมีใครมีสวนยางพาราในชนบทนะคะ จะสามารถเห็นสิ่งมีชีวิตหน้าตาแปลกๆ เยอะมากค่ะ เช่น กิ้งกือกระสุนตามรูปด้านล่างนี้ ใช่ว่าจะหาดูได้ในเมืองนะคะ เพราะกิ้งกือกระสุนจะพบในป่าชื้น และสิ่งแวดล้อมต้องดี ใช้สารเคมีน้อยค่ะ และข้อดีข้อนี้เองทำให้คนบ้านนอกเรียนรู้การใช้ชีวิตจากสถานการณ์จริง สามารถคาดเดาสภาพดินฟ้าอากาศได้ หากบ หาเขียด หาเห็ด หาแมลง หาหน่อไม้ หาสมุนไพร มาใช้เป็นอาหารจนสามารถเอาตัวรอดได้ค่ะ4. ค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่า การใช้ชีวิตในชนบทช่วยลดค่าใช้จ่ายในหลายๆ ด้านได้ค่ะ จากที่สังเกตมานั้นถ้าใช้ชีวิตอยู่บนความต้องการพื้นฐานบ้านนอกถูกกว่าค่ะ เช่น ในกรณีมีค่าเช่าบ้านก็จะมีราคาที่ถูกกว่าในเมืองค่ะ โดยได้เนื้อที่ใช้สำหรับที่อยู่อาศัยที่กว้างขึ้น ลดการซื้อผักได้จากการปลูกผักเอง ราคาผักก็ถูกด้วยค่ะเพราะราคาชาวบ้าน 5 บาทบ้านนอกเท่ากับ 20 บาทในเมืองค่ะ และราคาของสินค้าบางอย่างยิ่งถูกไปอีกโดยเฉพาะกรณีซื้อกับคนรู้จักกัน ซื้อกับเพื่อนบ้าน หรือซื้อกับญาติพี่น้องค่ะ5. ความเป็นส่วนตัว ในชนบทเราจะได้รับความเป็นส่วนตัวมากกว่าในเมืองค่ะ คำว่าส่วนตัวนี้คือลักษณะที่ว่าความเป็นอยู่ห่างไกลจากความวุ่นวายของการจราจรและชุมชนแออัดค่ะ จึงทำให้พอไปอยู่บ้านนอกการพบปะผู้คนก็น้อยลงหรือการที่จะไปอยู่ในจุดที่มีคนแออัดก็น้อยกว่าคนในเมืองอย่างเห็นได้ชัดเจนค่ะ6. ได้ความเป็นเจ้าของ การอาศัยอยู่ในชนบทง่ายกว่ามากหากอยากเป็นเจ้าของทรัพย์สินบางอย่างค่ะ เช่น วัว ควาย ที่ดิน บ้าน สวนยางพารา เพราะมีการขายเปลี่ยนมืออยู่เรื่อยๆ ราคาขายก็ไม่ได้สูงมากค่ะ และโดยสิ่งแวดล้อมของคนบ้านนอกที่อยากมีทรัพย์สินของตัวเองจะผลักดันให้เราทำให้ตัวเองมีทรัพย์สินด้วยไม่มากก็น้อยค่ะ7. สภาพแวดล้อมที่ดีกว่า ในชนบทมีสภาพแวดล้อมที่สวยงามและมีความหลากหลายทางชีวภาพค่ะ ข้อดีนี้ผู้เขียนเห็นด้วยอย่างมากค่ะ เพราะส่วนตัวพบว่าตัวเองสามารถเห็นวิวที่สวยงามของทิวทัศน์ธรรมชาติที่หลากหลายก็ตอนกลับไปบ้านนอกค่ะ ซึ่งอาจหาได้ยากขึ้นเรื่อยๆ สำหรับชีวิตในเมืองค่ะ8. ทำการเกษตรเป็นหลัก บางคนงงว่าเป็นข้อดีตรงไหน มันเป็นข้อดีนะคะทุกคน ดียังไงให้ลองนึกภาพตามนะคะ สมมติว่ามีคนๆ หนึ่งอยากทำการเกษตร อยากพัฒนาการเกษตรยุคใหม่มันก็ยากถ้าเราจะยังดันทุรังอยู่ในเมือง เราจึงเห็นข่าวเรื่อยๆ เช่น จบวิศวะไปทำเกษตรจนประสบความสำเร็จ ลาออกจากราชการไปทำเกษตรจนเป็นต้นแบบให้กับคนในชุมชน คือถ้าเราอ่านดีๆ หลักๆ นั้นเขาทำที่ชนบทที่บ้านเกิดของเขาค่ะ ดังนั้นชนบทคือพื้นที่หลักหากนึกอยากทำการเกษตรค่ะ ยิ่งถ้าเรามีความสนใจทางด้านการเพาะปลูกพืชหรือเลี้ยงสัตว์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว บ้านนอกคือที่ๆ ต้องปักหมุดค่ะ เพราะเราจะสามารถเอาจุดแข็งของชนบทมาตอบโจทย์เพื่อพัฒนาทักษะและมีรายได้จากการเกษตรของเราได้นั่นเอง9. มีความเป็นกันเอง ในชนบทจริงๆ นั้นผู้คนถ้อยทีถ้อยอาศัยกันค่ะ ไม่ได้มีพิธีรีตองอะไรมากนั้น ใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายเป็นกันเอง ขนาดต่อรองราคาของซื้อของขายก็ยังทำได้แบบสบายใจค่ะ ยังสามารถพบเห็นคนชวนกินข้าวหากเราเดินผ่านตอนไปตอนเวลาอาหารพอดีค่ะ ผู้คนยังถามไถ่กันทั้งๆ ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ยังมีหิวกระติบข้าวเหนียวมานั่งรอบวงกินข้าวด้วยกันค่ะ การขอความช่วยเหลือในบางอย่างสามารถเกิดขึ้นได้ง่ายๆ สมมติเราเดินคนเดียวข้างถนนแล้วคนอื่นมาเห็นเขาจะชวนเราขึ้นรถไปด้วยค่ะ นั่นคือสิ่งที้เกิดขึ้นในชนบทที่อาจหาได้ยากในตัวเมืองใหญ่ๆ ค่ะ10. คุณภาพชีวิตที่ดี การใช้ชีวิตในชนบทอาจช่วยให้เรามีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าค่ะ คำว่าดีกว่าในที่นี้หมายถึงดีกว่าแบบองค์รวมนะคะ ที่หมายถึง ทุกอย่างรวมทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจ การอยู่ในชนบทเรายังสามารถมีเวลาทำกิจกรรมที่ชื่นชอบได้เรื่อยๆ ค่ะ เช่น การพักผ่อน การออกกำลังกาย การทำอาหารที่ดีต่อสุขภาพ การทำกิจกรรมในครอบครัวและอื่นๆ ได้ง่ายๆ ค่ะ ซึ่งในเมืองอาจทำได้ยาก เช่น ถ้าคนในเมืองจะพาครอบครัวไปสวนสาธารณะนั้นแค่คิดถึงรถติดเขาก็หยุดไปแล้วค่ะ แต่ในชนบทรถไม่ติดจะไปตอนไหนก็ได้ เห็นไหมค่ะว่ามันดีจริงๆ และทั้งหมดคือ 10 ข้อดีของการใช้ชีวิตในชนบทค่ะ พอจะมองเห็นภาพกันไหมค่ะ โดยส่วนตัวผู้เขียนก็ยังมองว่าชนบทมีข้อดีค่ะ โดยเฉพาะหากมองในด้านของอนามัยสิ่งแวดล้อม จะว่าไปสมัยนี้นั้นคำว่าบ้านนอกอาจดูแตกต่างไปจากสมัยรุ่นปู่รุ่นย่าของเราค่ะ เพราะบ้านนอกยุคนี้มีอินเตอร์เน็ตใช้กันแล้ว ดังนั้นสมมติมีคนๆ หนึ่งอยากมาอยู่บ้านนอกแล้วทำสวนกล้วยไม้ มันง่ายมากที่จะหาตลาดออนไลน์หรือซื้ออะไรที่ต้องใช้ออนไลน์ค่ะ และจากที่ชนบทมีทรัพยากรที่เหลือเฟือจึงคล้ายกับว่ามาอยู่อู่ข้าวอู่น้ำค่ะ ไม่ต้องปลูกข้าวเองก็ได้แค่ซื้อข้าวเปลือกนิดหน่อยก็สามารถมีข้าวกินตลอดทั้งปีแล้วค่ะ ในบางครั้งไม่ต้องซื้อผักก็ได้ค่ะเพราะในชนบทริมทางยังมีกระถินให้เก็บไปกินได้ ยังมีขี้เหล็กให้เก็บไปทำแกงขี้เหล็กได้ค่ะ หากมีความรู้เรื่องเห็ดๆ ยังมีเยอะตามธรรมชาติให้เก็บมาเป็นอาหารค่ะ ปลาตามธรรมชาติขายถูกเยอะมากค่ะ ตลอดทั้งปีมีอาหารการกินที่หลากหลายค่ะ อ่านจบมาขนาดนี้แล้วตัดสินใจได้ยังคะว่าจะมาอยู่บ้านนอกตอนไหน? จึงหวังว่าเนื้อหาในบทความนี้จะมีส่วนช่วยในการตัดสินใจว่าจะมาอยู่ชนบทหรือในเมืองนะคะเครดิตภาพประกอบบทความถ่ายภาพโดย ผู้เขียนออกแบบภาพหน้าปกใน Canvaบทความอื่นที่น่าสนใจรีวิวคาเฟ่ชุมชน บาวคาเฟ่ เข้าถึงง่าย รสชาติถูกใจ ราคาถูกปากสรุปอนามัยสิ่งแวดล้อม อำเภอโนนดินแดง จังหวัดบุรีรัมย์สรุปอนามัยสิ่งแวดล้อม บ้านนาดี ตำบลหนองซอน อำเภอนาทม จังหวัดนครพนมเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !