แก๊งยาจังโก้สาดกระสุน รถหุ้มเกราะฝ่ายต้านโจรยิงสวนดุ 2นักข่าวเสี่ยงตายรายงาน
แก๊งยาจังโก้สาดกระสุน - วันที่ 21 ธ.ค. เดอะซัน รายงานว่า ผู้สื่อข่าวภาคสนามในเม็กซิโก ขณะรายงานข่าวภารกิจของ กลุ่มป้องกันตนเอง กับการต่อสู้เพื่อปกป้องตนเองจาก แก๊งค้ายาเสพติดรุ่นใหม่ฆาลิสโก (Jalisco New Generation Cartel: CJNG) อาณาจักรยาเสพติดมูลค่ามากกว่า 500,000 ล้านบาท นำโดย เนเมซีโอ "เอล เมนโช" โอซาเกรา เซร์บันเตส ซึ่งตอนนี้สามารถรวมอำนาจได้อย่างน้อย 35 รัฐ ทั่วเม็กซิโก
https://www.youtube.com/watch?v=jNsyLBYh4kQ
เว็บไซต์ อินโฟแบ รายงานว่า มาร์โก อันโตนีโอ และ เฟร์นันโด กีเยน สองผู้สื่อข่าว เดินทางไปพร้อมกับกลุ่มป้องกันตนเอง ซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธท้องถิ่น ด้วยรถหุ้มเกราะทำมือ ในเมือง ลา โบกานาดา รัฐ มิโชอากัง ฐานที่มั่นของ CJNG ตอนกลางของประเทศ
ภายหลังที่ CJNG ก่อตั้งป้อมปราการเป็นฐานปฏิบัติการลักลอบขนยาเสพติดเพื่อควบคุมพื้นที่และโจมตีกลุ่มป้องกันตนเอง ทางการเม็กซิโกประเมินว่า CJNG ดูแลยาเสพติดสัดส่วน 1 ใน 3 ของทั้งหมดที่ลักลอบเข้าสหรัฐอเมริกา
จากวิดีโอรายงานข่าว เสียงห่ากระสุนจากแก๊งค้ายาเสพติดถาโถมเข้ามากระแทกด้านนอกรถหุ้มเกราะอย่างดังสนั่น กลุ่มป้องกันตนเองจึงจับปืนไรเฟิลยิงสวนผ่านช่องข้างรถหุ้มเกราะทันที จากนั้น สมาชิกกลุ่มป้องกันตนเองนายหนึ่งถูกยิงเข้าที่แขนและตะโกนด้วยความเจ็บปวดระหว่างการต่อสู้อย่างดุเดือด ก่อนที่กลุ่มจะตะโกน "ไปกันเถอะ"
แต่น่าตกใจสุดขีดคือ รูกระสุนหลายรูตามข้างรถหุ้มเกราะ ที่อยู่ไม่ไกลจากบริเวณที่สองผู้สื่อข่าวนั่งอยู่ข้างใน และผู้สื่อข่าวหนึ่งในนั้นเหลือบมองไปที่รูกระสุน 2 รู ห่างกันไม่กี่เซนติเมตร ท่ามกลางการยิงอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ รัฐมิโชกังมีการห้ำหั่น 2,100 ครั้ง ในปีนี้ เทียบกับในปี 2558 ที่มี 800 ครั้ง ขณะที่เม็กซิโกกำลังทุบสถิติยอดผู้เสียชีวิตจากฆาตกรรมเกี่ยวกับยาเสพติดทั่วประเทศจากของปีก่อนที่มี 33,000 ศพ
แนวโน้มที่เพิ่มขึ้นมาพร้อบกับความรุนแรงน่ากลัว รวมถึงวิธีการสังหารโหดเหี้ยม เช่น การฉีกหัวใจเหยื่อออก การละลายศพในถังกรด แม้กระทั่งการสังหารสตรีมีครรภ์ นอกจากนี้ การฆ่าตัวหัวและการแขวนศพหัวขาดของคู่อริตามสะพานต่างๆ ถือเป็นอีกวิธีการข่มขวัญให้คนอื่นกลัวด้วย
อย่างไรก็ตาม ทางการไม่สามารถควบคุมความรุนแรงจากบรรดาแก๊งค้ายาเสพติดและควบคุมความพยายามการรีดไถเงินจากบรรดาธุรกิจ กลุ่มป้องกันตนเองจึงก่อตัวขึ้นมา ซึ่งผู้เชี่ยวชาญความมั่นคงระบุ ช่วยช่วยลดความรุนแรงในพื้นที่อาชญากรรมได้