10 สาเหตุที่มีแมลงหวี่ ในสิ่งแวดล้อม และมาตอมคน | บทความโดย ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล แมลงที่เป็นพาหนะนำโรคได้มีหลายชนิด ซึ่งแมลงหวี่เป็นหนึ่งตัวอย่างของแมลงที่เป็นปัญหาและสามารถคุกคามคนเราได้ค่ะ โดยตอนนี้หลายคนก็อาจจะกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่มีแมลงหวี่มาตอม และก็ยิ่งสงสัยต่อไปอีกว่า แมลงหวี่มาจากไหน อะไรทำให้ล่อแมลงชนิดนี้เข้ามาในบ้าน แล้วมาตอมคนจนรำคาญใจ ซึ่งคำตอบของความสงสัยนี้มีมาให้แล้วในบทความนี้ค่ะ ดังนั้นคุณผู้อ่านไม่ต้องสงสัยอีกต่อไปแล้วนะคะ เพราะว่าผู้เขียนจะมาบอกต่อถึงต้นตอที่แท้จริงของการมีแมลงหวี่ค่ะ และเมื่อเรารู้แล้วว่าอะไรคือสาเหตุ จากนั้นเราก็จะสามารถมองภาพออกมากขึ้นได้ว่า เราต้องไปจัดการอะไรส่วนไหนนะคะ ซึ่งหลายๆ สาเหตุก็เป็นเรื่องที่เราอาจมองข้ามไป ก็เป็นได้ และถ้าอยากรู้แล้วว่า 10 สาเหตุที่มีแมลงหวี่ในสิ่งแวดล้อมรอบตัวเราและมาตอมคน มีอะไรบ้าง งั้นเรามาต่อกันเลยจ้า 1. ผลไม้และผักที่สุกเกินไปหรือเน่าเสีย หลายคนยังไม่รู้ว่า กลิ่นหอมหวานจากการหมักและย่อยสลายของผักและผลไม้ มักเป็นสิ่งงที่ดึงดูดแมลงหวี่ให้เข้ามาวางไข่และเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว เราจึงมักเห็นแมลงหวี่จำนวนมากบินวนเวียนอยู่ใกล้กับผลไม้ที่ทิ้งไว้นานเกินไป หรือผักที่เริ่มมีรอยช้ำและเน่า ดังนั้นการจัดการกับผลไม้และผักอย่างเหมาะสม ไม่ปล่อยทิ้งไว้จนเน่าเสีย จะช่วยลดปัญหาแมลงหวี่ในบ้านของเราได้อย่างมากนะคะ 2. เศษอาหารและของเหลวหก เศษอาหารเล็กๆ น้อยๆ ที่ตกหล่น หรือคราบของเหลวที่หกเลอะเทอะตามพื้นหรือเคาน์เตอร์ครัว ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญที่ดึงดูดแมลงหวี่ได้ดี ไม่แพ้ผลไม้เน่าเสียเลยค่ะ แม้ว่าจะเป็นเพียงเศษอาหารชิ้นเล็กๆ แต่ก็มีสารอาหารที่เพียงพอต่อการดำรงชีวิตและขยายพันธุ์ของแมลงหวี่ได้ กลิ่นของอาหารที่เริ่มบูดเน่า หรือความชื้นจากของเหลวที่หก ก็ยิ่งเป็นสัญญาณเรียกให้แมลงหวี่มารวมตัวกัน การทำความสะอาดพื้นผิวต่างๆ ในครัวเรือนอย่างสม่ำเสมอ เก็บกวาดเศษอาหาร และเช็ดคราบของเหลวที่หกทันที จึงเป็นวิธีง่ายๆ แต่ได้ผลดีในการป้องกันปัญหาแมลงหวี่กวนใจค่ะ 3. การนำเข้าผลไม้หรือผักที่มีไข่แมลงหวี่ติด ในบางครั้งไข่หรือตัวอ่อนขนาดเล็กของแมลงหวี่อาจติดมากับผิวของผลไม้หรือซุกซ่อนอยู่ในส่วนต่างๆ ของผัก เมื่อเรานำผลไม้หรือผักเข้ามาในบ้าน และทิ้งไว้สักพักในอุณหภูมิที่เหมาะสม ไข่ก็จะฟักออกมาเป็นตัวและเริ่มแพร่พันธุ์อย่างรวดเร็ว กลายเป็นปัญหาแมลงหวี่ระบาดในที่สุด ดังนั้นการเลือกซื้อผลไม้และผักที่สดใหม่ และล้างทำความสะอาดอย่างละเอียดก่อนนำมาเก็บไว้ จึงเป็นวิธีที่เราสามารถช่วยลดความเสี่ยงจากการนำพาแมลงหวี่เข้ามาในบ้านได้ค่ะ 4. มีช่องเปิดและรอยแตก ถึงแม้ว่าเราจะดูแลความสะอาดในบ้านดีแค่ไหน แต่หากมีช่องเปิดหรือรอยแตกตามผนัง เพดาน หรือบริเวณขอบหน้าต่างและประตู ก็อาจเป็นช่องทางให้แมลงหวี่เล็กๆ เล็ดลอดเข้ามาได้ง่ายๆ ค่ะ เนื่องจากแมลงหวี่มีขนาดเล็กมากจนสามารถแทรกตัวผ่านรอยแยกที่เรามองข้ามไปได้ เมื่อเข้ามาในบ้านได้แล้ว พวกแมลงหวี่ก็จะไปหาแหล่งอาหารและความชื้นที่เหมาะสมในการดำรงชีวิตและขยายพันธุ์ การอุดรอยรั่วหรือช่องโหว่ต่างๆ ในบ้านให้มิดชิด จึงเป็นอีกหนึ่งวิธีสำคัญในการป้องกันไม่ให้แมลงหวี่เข้ามาสร้างความรำคาญ และช่วยให้บ้านของเราสะอาดปราศจากแมลงเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นค่ะ 5. ถังขยะที่ไม่สะอาดและไม่ได้ปิดมิดชิด เศษอาหารต่างๆ ที่ถูกทิ้งลงในถังขยะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเศษอาหารที่เริ่มบูดเน่า จะส่งกลิ่นที่ดึงดูดแมลงหวี่ได้อย่างดีเยี่ยม ยิ่งถ้าถังขยะไม่ได้ปิดมิดชิด แมลงหวี่ก็จะสามารถเข้าไปวางไข่และเจริญเติบโตได้อย่างสบาย ทำให้เกิดปัญหาแมลงหวี่จำนวนมากบินวนเวียนอยู่รอบๆ ถังขยะและอาจลามไปยังส่วนอื่นๆ ของบ้านได้ การรักษาความสะอาดถังขยะ เททิ้งขยะบ่อยๆ และปิดฝาถังขยะให้สนิท จึงเป็นวิธีพื้นฐานแต่สำคัญมากในการป้องกันและลดจำนวนแมลงหวี่ในบ้านของเราค่ะ 6. ดินที่มีอินทรียวัตถุมากเกินไปและมีความชื้น ดินที่มีอินทรีย์วัตถุสูงและมีความชื้นมาก ก็เป็นอีกหนึ่งสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเจริญเติบโตของแมลงหวี่บางชนิดได้ดีค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแมลงหวี่ที่ชอบอาศัยและวางไข่ในดินที่มีความชื้น และมีสารอาหารจากการย่อยสลายของอินทรีย์วัตถุ เช่น ดินในกระถางต้นไม้ที่เราอาจรดน้ำมากเกินไป หรือมีเศษซากพืชผักที่เน่าเปื่อย การปล่อยให้ดินในกระถางมีความชื้นสูงอยู่ตลอดเวลา หรือมีเศษอินทรีย์วัตถุสะสม ก็สามารถเป็นแหล่งเพาะพันธุ์แมลงหวี่ที่เราคาดไม่ถึงได้ ดังนั้นการดูแลดินในกระถางให้มีการระบายน้ำที่ดี ไม่รดน้ำมากเกินไป และกำจัดเศษซากพืชที่เน่าเปื่อยออกไป จึงเป็นวิธีช่วยลดปัญหาแมลงหวี่ที่อาจเกิดขึ้นจากบริเวณต้นไม้ในบ้านของเราได้ค่ะ 7. ท่อระบายน้ำที่ไม่สะอาด เศษอาหาร ไขมัน หรือสิ่งสกปรกต่างๆ ที่สะสมอยู่ในท่อระบายน้ำ เมื่อเกิดการบูดเน่าและหมักหมม จะกลายเป็นแหล่งอาหารอันอุดมสมบูรณ์ และเป็นที่อยู่อาศัยที่ชื้นแฉะ เหมาะแก่การวางไข่และเจริญเติบโตของแมลงหวี่เป็นอย่างยิ่ง กลิ่นเหม็นที่มาจากท่อระบายน้ำก็ยิ่งดึงดูดให้แมลงหวี่เข้ามามากขึ้น การดูแลรักษาความสะอาดท่อระบายน้ำอย่างสม่ำเสมอ โดยการราดน้ำร้อน หรือใช้น้ำยาทำความสะอาดท่อบ้าง จะช่วยกำจัดสิ่งสกปรกและลดโอกาสการเกิดแหล่งเพาะพันธุ์แมลงหวี่ในบริเวณนี้ได้ค่ะ 8. ผ้าเช็ดทำความสะอาดและฟองน้ำที่เปียกชื้น ผ้าเช็ดทำความสะอาดและฟองน้ำที่เปียกชื้น ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สามารถกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์แมลงหวี่ได้ง่ายๆ เลยค่ะ ความชื้นที่อยู่ในผ้าและฟองน้ำที่ใช้แล้ว ประกอบกับเศษอาหารหรือคราบสกปรกที่ตกค้างอยู่ จะเป็นอาหารชั้นดีให้แก่ตัวอ่อนของแมลงหวี่ได้เป็นอย่างดี ยิ่งถ้าเราปล่อยทิ้งไว้ในที่อับชื้นเป็นเวลานาน ก็จะยิ่งเอื้อต่อการเจริญเติบโตของแมลงชนิดนี้ และทำให้เราสังเกตเห็นแมลงหวี่บินวนเวียนอยู่ใกล้ๆ บริเวณเหล่านี้ได้ การล้างทำความสะอาดผ้าและฟองน้ำให้สะอาดหลังการใช้งานทุกครั้ง บีบน้ำออกให้หมด และผึ่งให้แห้งสนิท จะช่วยตัดวงจรชีวิตของแมลงหวี่และลดปัญหานี้ได้ค่ะ 9. ขวดและกระป๋องเปล่าที่มีคราบหวาน ขวด แก้ว หรือกระป๋องที่ทิ้งไว้โดยยังมีคราบน้ำหวาน น้ำผลไม้ หรือเครื่องดื่มอื่นๆ ติดอยู่ ก็เป็นเหมือนกับสัญญาณไฟเขียวที่เชื้อเชิญให้แมลงหวี่เข้ามาอย่างง่ายดายเลยค่ะ เพราะความหวานที่ตกค้างอยู่เป็นแหล่งอาหารที่ดึงดูดใจแมลงหวี่เป็นพิเศษ และเมื่อทิ้งไว้นานๆ คราบหวานเหล่านี้ก็จะเริ่มบูดเน่า หมักหมม ยิ่งส่งกลิ่นที่ล่อตาล่อใจให้แมลงหวี่เข้ามารวมตัวและวางไข่ การล้างทำความสะอาดบรรจุภัณฑ์เหล่านี้ทันทีหลังใช้งาน หรืออย่างน้อยก็ล้างน้ำเปล่าก่อนทิ้ง จะช่วยกำจัดคราบหวานที่เป็นต้นเหตุของปัญหาแมลงหวี่ได้ค่ะ 10. สภาพแวดล้อมที่อบอุ่นและชื้น สภาพแวดล้อมที่อบอุ่นและมีความชื้นสูง เป็นสภาวะที่เหมาะสมอย่างยิ่งต่อการเจริญเติบโตและขยายพันธุ์ของแมลงหวี่เลยค่ะ อุณหภูมิที่อุ่นช่วยให้วงจรชีวิตของแมลงหวี่สั้นลง ทำให้แมลงพาหนะนำโรคชนิดนี้สามารถเติบโตจากไข่ไปเป็นตัวเต็มวัยได้รวดเร็วขึ้น นอกจากนี้ความชื้นยังเป็นปัจจัยสำคัญต่อการอยู่รอดของแมลงหวี่และตัวอ่อน ดังนั้นในบริเวณที่มีอากาศร้อนชื้น เช่น ในห้องครัว หรือใกล้กับแหล่งน้ำ หากมีเศษอาหารหรือสิ่งสกปรกอื่นๆ ร่วมด้วย ก็จะยิ่งกลายเป็นสวรรค์ของแมลงหวี่ ทำให้เราพบเจอปัญหาแมลงหวี่ได้บ่อยครั้ง ซึ่งการควบคุมอุณหภูมิและความชื้นในบ้านให้เหมาะสม และรักษาความสะอาดควบคู่กันไป จึงเป็นวิธีสำคัญในการป้องกันปัญหาแมลงหวี่อย่างยั่งยืนค่ะ และนั่นคือตัวอย่างของสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเจริญเติบโตของแมลงหวี่ค่ะ แมลงหวี่มีแล้วกวนกายกวนใจค่ะ แถมยังเป็นพาหะนำโรคต่างๆ ได้ด้วย ดังนั้นเราควรจัดการสิ่งแวดล้อมรอบตัวเราให้ดี จะได้ไม่มีแมลงหวี่นะคะ และที่นี่ผู้เขียนก็ให้ความสำคัญเหมือนกันค่ะ พยายามเก็บกวาดตลอด อะไรกินหมดแล้ว รีบเก็บรีบล้าง ถังขยะก็จัดการค่ะ หาฝามาปิด รีบมัดปากถุงขยะ รางระบายน้ำฉีดล้างเป็นประจำสม่ำเสมอและอื่นๆ ที่เป็นไปได้ค่ะ ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้คุณผู้อ่านต้องแก้ไขในจุดไหน ยังไงนั้นลองค่อยๆ ทำความเข้าใจถึงสาเหตุทั้งหมดก่อนนะคะ จากนั้นก็พยายามไปสังเกตสิ่งแวดล้อมรอบตัวเราและจัดการไปทีละจุดๆ ค่ะ และผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านไม่มากก็น้อย หากสนใจเนื้อหาเช่นนี้อีก อย่าลืมกดติดตามหรือบุ๊กมาร์กโปรไฟล์ไว้ เพื่อรับข้อมูลใหม่ๆ ในบทความต่อไปค่ะ เครดิตภาพประกอบบทความ ภาพหน้าปกออกแบบโดยผู้เขียน ใน Canva ภาพประกอบเนื้อหา: ภาพที่ 1 โดย @lifeforstock จาก FREEPIK, ภาพที่ 2-3 โดยผู้เขียน และภาพที่ 4 โดย @jcomp จาก FREEPIK เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จบการศึกษา: พยาบาลศาสตรบัณฑิต จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ: สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การบำบัดน้ำเสียและกำจัดสิ่งปฏิกูล บทความอื่นที่น่าสนใจโดยผู้เขียน แหล่งที่มักพบแมลงสาบ ภายในบ้าน พาหนะนำโรคใกล้ตัว! 10 สาเหตุที่ทำให้มีแมลงวัน ในสิ่งแวดล้อม รอบบ้านของเรา ทำไมในบ้านถึงมีหนู อะไรคือต้นเหตุ สัตว์พาหนะนำโรคชนิดนี้ เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !