บล็อคเชนเป็นเทคโนโลยีที่ไม่เหมือนกับเทคโนโลยีอื่นๆ ช่วยลดข้อจำกัดการใช้งานทางการเงินและการลงทุนมากมาย

บล็อคเชนเป็นเทคโนโลยีที่ไม่เหมือนกับเทคโนโลยีอื่นๆ ช่วยลดข้อจำกัดการใช้งานทางการเงินและการลงทุนมากมาย Nonfungible tokens หรือ NFT ถูกขับเคลื่อนโดยเทคโนโลยีบล็อกเชนเช่นกัน

 

ซึ่งกลุ่มคนที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีได้คาดการณ์ถึงยุค Exponential หรือ อินเทอร์เน็ตในอนาคต ที่จะนำเราไปสู่ Metaverse หรือ โลกเสมือนจริง สังเกตเห็นได้จากไตรมาสที่แล้ว แบรนด์ระดับโลกหลายๆแห่งสร้าง NFT ของตัวเองและเปิดตัว Nonfungible tokens ใน Metaverse แล้ว

 

Roblox ได้รับความสนใจอย่างมาก โดยมีผู้ใช้งานมากกว่า 200 ล้านคนต่อเดือน มีเกมเสมือนจริงหลายแสนเกม และผู้ใช้กว่าครึ่งหนึ่งมีอายุต่ำกว่า 13 ปี ซึ่งตอนนี้เป็นที่รวมเกมหลายๆ เกมไว้ด้วยกัน อย่าง Wonder Woman: Themyscira Experience ของ WarnerMedia มีผู้เข้าเล่นเกือบ 30 ล้านครั้งบนแพลตฟอร์ม สิ่งที่น่าสนใจนี้คือ มันกำลังสะท้อนถึงเทรนด์ของบริษัทต่างๆ ที่จะต้องพัฒนาระหว่างผู้บริโภคนั้นเอง

 

ดังที่ Coca-Cola และ Gucci แสดงให้เห็น ไม่ได้สนใจว่าผลิตภัณฑ์หรือพันธกิจของบริษัทจะเป็นข้อจำกัด ซึ่งทุกบริษัทควรเริ่มคิดเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีใหม่นี้ แม้ว่าตอนนี้ Metaverse จะเพิ่งเริ่มต้น และแบรนด์ต่างๆ ที่กำลังเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของตนเอง ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเทคโนโลยีนี้จะเข้ามาสนับสนุนแบรนด์ได้ในหลายส่วน เช่น การทำงานผ่านระบบดิจิทัล เศรษฐกิจส่วนหนึ่งจะถูกย้ายไปยัง Metaverse และพฤติกรรมผู้บริโภค เป็นต้น

 

การเริ่มรวม NFT เข้ากับ Metaverse นั้น ส่วนหนึ่งส่งผลกระทบต่อโลกแห่งความเป็นจริง Gucci ได้พยายามเข้าสู่โลก Metaverse ในรูปแบบเกม Roblox กลยุทธ์ที่ใช้คือขาย NFT สำหรับอวตารของ "Gucci Collection" ที่มีเฉพาะในเกมเท่านั้น อย่าง กระเป๋า แว่นตา หมวก ซึ่งมีคนจ่ายเงินกว่า 4,000 ดอลลาร์ เพื่อซื้อกระเป๋า Gucci ใส่ให้กับตัวละครใน Roblox จริงๆ

 

หรือในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา Coca-Cola ได้เปิดตัวเสื้อผ้าเสมือนของแบรนด์เป็น Nonfungible tokens มีเสื้อแจ็กเก็ตที่จะนำไปสวมใส่ให้กับอวตารในโลกเสมือนจริงของ Decentraland แม้กระทั่งการจัดปาร์ตี้บนชั้นดาดฟ้า

 

ปัจจุบัน NASCAR ก็จะเปิดตัวรถดิจิทัลบนแพลตฟอร์มเกม Jailbreak Breakout Roblox และขายเสื้อผ้าสำหรับอวตารของผู้เล่น ให้ผู้เล่นสามารถสร้างเครื่องแบบ NASCAR ของตนเองได้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขันนักพัฒนาเกมและเป็นหนึ่งในโปรเจกโปรโมทบนโซเชียลมีเดีย

 

คำว่า “Metaverse” ปรากฏตัวครั้งแรกในปี 1992 เมื่อ Neal Stephenson ปล่อยนวนิยายวิทยาศาสตร์ที่ชื่อ Snow Crash ในหนังสือเล่มนี้ กล่าวถึงมนุษย์มีปฏิสัมพันธ์กับตัวแทนซอฟต์แวร์ เช่น ตัวอวตารในพื้นที่สามมิติที่ทำหน้าที่เสมือนโลกแห่งความเป็นจริง โดย Stephenson เป็นผู้ที่ใช้คำนี้เป็นครั้งแรก แนวคิดของ virtual reality-based นั้นถูกกล่าวถึงโดยผู้บุกเบิกอินเทอร์เน็ตในช่วงปลายปี 1970 และต้นปี 1980 ซึ่งจินตนาการว่าอินเทอร์เน็ตในอนาคตจะเป็นพื้นที่เสมือนที่ใช้ร่วมกันได้ สถานที่ที่โลกทางกายภาพผสมผสานไปกับโลกเสมือนจริงและสร้างช่องว่างดิจิทัลใหม่ที่ไหนสักแห่งในระหว่างนั้น

 

โดยช่องว่างทางดิจิทัลดังกล่าว ผู้คนจะสามารถกลายเป็นสิ่งที่พวกเขาอยากจะเป็นในชีวิตประจำวัน พวกเขาแสดงตัวตนภายในของพวกเขาผ่านอวตารดิจิทัลและสามารถนำไอดอลของพวกเขามาสู่โลกดิจิทัลนี้ได้ด้วย แต่การกำหนด Metaverse ยังคงต้องจับตาดูต่อไปเช่นเดียวกับยุคอินเทอร์เน็ตแรกๆ ที่หลายคนไม่รู้ว่ามันจะอย่างไร คาดว่าจะได้เริ่มใช้กับธุรกิจรูปแบบ อย่าง Uber, Amazon และ Netflix ก่อน ข้อมูลจาก cointelegraph