(เครดิตภาพปก rawpixel.com) ข่าวสารคือสิ่งที่มีความเกี่ยวข้องในชีวิตประจำวันของชีวิตคนเราอย่างมาก ทุกคนคงจะเคยสงสัยกันเมื่อตอนเป็นเด็กใช่ไหมคะ ว่าผู้ใหญ่อ่านข่าวไปทำไม ไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจเลย พอมาปัจจุบันผู้เขียนก็เข้าสู่วัยผู้ใหญ่เต็มตัวและเพิ่งจะเริ่มเห็นความสำคัญของข่าวสารมาก ๆ ก็ตอนที่เกิดวิกฤติการณ์ต่าง ๆ ในโลกของเรารวมถึงในประเทศของเราเอง เพราะมันค่อนข้างมีผลต่อการทำงานและการใช้ชีวิต จากคนที่รอแค่ข่าวภาคค่ำในทีวี กลายมาเป็นติดตามข่าวจากสื่อต่าง ๆ ทุกช่องทางที่เป็นไปได้นอกเหนือจากทีวี ไม่ว่าจะทั้งทางวิทยุ โซเชียลมีเดีย นิตยสารหรือหน้าหนังสือพิมพ์รายวัน ในแต่ละวันนั้นข่าวมีมากมายมหาศาล คงไม่มีใครที่จะสามารถติดตามข้อมูลในทุก ๆ ด้านให้ได้ครบภายในวันเดียว เพราะคนส่วนใหญ่ต้องทำงานกันจึงมักจะรับทราบกันเพียงเรื่องที่เป็นประเด็นใหญ่ ๆ หรือจากคำบอกเล่าปากต่อปากเพียงเท่านั้น และนั่นก็อาจจะเป็นที่มาของการรับรู้ข่าวสารเพียงด้านเดียว ซึ่งผู้เขียนคิดว่าหากแค่รับฟังไว้ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่มันไม่ใช่อย่างนั้นเลย ยกตัวอย่างเช่นข่าวการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า 2019 หรือเรียกอย่างเป็นทางการว่า COVID-19 ที่เมื่อผู้คนเริ่มตื่นตัวก็เริ่มมีการหาแนวทางในการป้องกันไวรัสกันอย่างจ้าละหวั่น ผู้เขียนขอขยายความเรื่องนี้ต่ออีกหน่อย เพราะเนื่องจากว่า ณ ปัจจุบันนี้การแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโคโรน่านั้นยังคงน่าเป็นห่วงและน่าหนักใจ และยังคงมีเฟคนิวส์ที่เกี่ยวกับโรคนี้มาอย่างต่อเนื่อง หลายครั้งที่ผู้เขียนไปตลาด ไปร้านทำผม ไปนวดตัว(ปัจจุบันร้านเหล่านี้ได้ปิดบริการชั่วคราวเพราะสาเหตุโรคระบาด) ไปในที่ชุมชนต่าง ๆ และมักจะได้ยินได้ฟังการจับกลุ่มพูดคุยของผู้คนอยู่เป็นระยะ ๆ หลายคนมีข้อมูลพร้อม เล่าข้อเท็จจริงที่ได้รู้มาให้แก่คนอื่นได้อย่างแม่นยำ แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่ไม่ได้สนใจ อาจจะโต้แย้งไปตามสิ่งที่ตนคิดหรือสิ่งที่ตนเชื่อหรือได้ยินมา กลายเป็นว่าเอาไปพูดกันปากต่อปาก ไม่ว่าจะเป็นข่าวที่เกี่ยวกับการป้องกันการระบาดของเชื้อไวรัสชนิดนี้ด้วยความเชื่อที่ผิด ๆ แชร์ต่อ ๆ กันมา เช่น ดื่มน้ำขิงมาก ๆ ช่วยได้ หรือมียาตั้วนั้นตัวนี้สามารถรักษาได้ทั้ง ๆ ที่ในปัจจุบันยังไม่มีการคิดค้นยารักษาเชื้อโรคชนิดนี้ได้เลย หรือแม้แต่ความเชื่อที่ว่าเราไม่จำเป็นต้องใส่หน้ากากเพียงเพราะเราไม่ได้อยู่ในที่แออัด ผู้คนพลุกพล่าน ทั้ง ๆ ที่ความเป็นจริงนั้นในทุก ๆ ที่ล้วนมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ทั้งนั้น แต่หลาย ๆ คนก็ไม่ได้ติดตามข่าวสารอย่างต่อเนื่อง และไม่ได้มีเวลามาค้นหาข้อมูลอย่างลึกซึ้ง หรือมีกรอบความเชื่อของตัวเองอยู่แล้ว จึงกลายเป็นว่าปฏิบัติตัวอยู่ในความเสี่ยงเสียอย่างนั้น (เครดิตภาพ drobotdean - Freepik) อีกตัวอย่างหนึ่ง มีข่าวลือของดาราสาวคนหนึ่งเต้าข่าวว่าเธอกำลังตั้งท้อง เมื่อคนรู้ก็เอาไปพูดต่อกันอย่างสนุกปาก แต่พอความจริงปรากฏกลับไม่ได้เป็นไปตามนั้นและดาราคนนั้นก็ดำเนินการฟ้องร้องคนที่กุข่าวและแชร์ข่าวต่อว่าเธอให้ได้รับความเสียหาย จนหลาย ๆ คนที่เคยเออออไปด้วยถึงกับต้องออกมาขอโทษ ขมา มอบช่อดอกไม้ให้เป็นการปลอบขวัญ ดังนั้นผู้เขียนจึงอยากให้ทุกคนตระหนักว่า การรับรู้ข่าวสารเพียงด้านเดียว อาจจะสร้างความเสียหายหรือนำพาหายนะมาสู่ตนเองและผู้อื่นได้ หลายครั้งไม่ได้มีผลกระทบแค่เรื่องสุขภาพเท่านั้น แต่ยังส่งผลไปถึงเรื่องชื่อเสียง เงินทอง และการใช้ชีวิตด้วย จึงควรกลั่นกรอง ตรวจสอบข้อเท็จจริงและความเป็นไปได้ให้ดีและมีวิจารณญาณในการรับข้อมูลทุกครั้ง ที่สำคัญคืออ่านให้มาก ค้นคว้าให้มาก ติดตามข่าวจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ เป็นการเพิ่มองค์ความรู้และเสริมสร้างสติปัญญาให้เราได้ด้วย (เครดิตภาพ pressfoto - Freepik)