รีเซต

นายกฯ กำชับทหารตำรวจจัดกำลังหนุนเคลื่อนย้ายผู้ป่วยโควิด รับสถานการณ์ติดเชื้อเพิ่ม

นายกฯ กำชับทหารตำรวจจัดกำลังหนุนเคลื่อนย้ายผู้ป่วยโควิด รับสถานการณ์ติดเชื้อเพิ่ม
มติชน
17 กรกฎาคม 2564 ( 18:50 )
56

โฆษกกลาโหม เผยนายกฯ กำชับทหารตำรวจจัดกำลังหนุนเคลื่อนย้ายผู้ป่วยโควิด รับมือสถานการณ์แพร่ระบาดที่ยังมีแนวโน้มรุนแรง

 

 

เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยถึง กรณีการเตรียมสนับสนุนของกระทรวงกลาโหม ในการรับมือกับการแก้ปัญหานำผู้ป่วยติดเชื้อตามบ้านและชุมชนที่มีมากขึ้นออกมารักษาในระบบ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์ใหม่ที่มีแนวโน้มผู้ติดเชื้อมากขึ้นว่า

 

 

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้กำชับให้ทุกเหล่าทัพและตำรวจ เตรียมจัดกำลังและยานพาหนะเพิ่ม เสริมการทำงานร่วมกับสธ.แล้ว จากเดิม ที่ได้จัดตั้ง “ศูนย์สนับสนุนการเคลื่อนย้ายผู้ติดเชื้อโควิด 19” ขึ้น โดยระดมยานพาหนะจากทุกเหล่าทัพและตำรวจกว่า 100 คัน พร้อมเจ้าหน้าที่ที่ผ่านการอบรมการปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุข ควบคุมการปฏิบัติ โดย ศปม. เข้าสนับสนุนการทำงานร่วมกับ กทม.โดย “ศูนย์เอราวัณ” และ สธ.โดย “สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ” เพื่อสนับสนุนการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยที่อาจตกค้างหรือมีเพิ่มตามบ้านและชุมชนในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล เข้ารับการรักษาตามระบบ โดยที่ผ่านมา ตั้งแต่ 24 เม.ย.64 ถึงปัจจุบัน ศูนย์ดังกล่าวที่ กระทรวงกลาโหม จัดตั้งขึ้น ได้สนับสนุนการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยเข้าสู่ระบบการรักษาแล้ว รวมกว่า 15,000 ราย

 

 

โดยมีขั้นตอนการทำงานร่วมกัน เมื่อได้รับแจ้งจากผู้ป่วยติดเชื้อตามบ้านหรือในชุมชน ผ่านบริการสายด่วน หมายเลข 1668 1669 1330 ตลอด 24 ชม. หรือ หมายเลข 062 -442-7903 “ศูนย์สนับสนุนการเคลื่อนย้ายผู้ติดเชื้อโควิด 19” ที่กองทัพจัดตั้งเสริมขึ้น

 

 

โดยจะประสานทำงานร่วมกันในการประเมินอาการผู้ป่วยและเตรียมสถานพยาบาลปลายทางรองรับ หลังจากนั้นจะจัดเจ้าหน้าที่และยานพาหนะไปรับถึงบ้าน เพื่อนำพาผู้ป่วยเข้ารับการรักษาในระบบ ตามอาการในสถานพยาบาลระดับต่างๆที่จัดขึ้น เช่น ผู้ป่วยสีเขียวในรพ.สนาม ผู้ป่วยสีเหลืองและแดงใน รพ.หลัก หรือ Hospitel เป็นต้น

 

 

ทั้งนี้ผู้ป่วยสีเขียวที่ติดเชื้อไม่แสดงอาการ สามารถขอรับการกักและรักษาตัวที่บ้าน ( Home Isolation ) หรือในสถานที่พักคอยของชุมชน (Community Isolation) ได้ ภายใต้มาตรการและการดูแลที่สาธารณสุขที่กำหนด

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง