สงขลาอ่วม! คลัสเตอร์โรงงานติด 'โควิด' แล้ว 24 คน ลุ้นอีกกลุ่มใหญ่ กลับบ้านช่วงฮารีรายอ
สงขลาอ่วม! คลัสเตอร์โรงงานอาหารกระป๋อง ติด 'โควิด' แล้ว 24 คน ลุ้นอีกกลุ่มใหญ่ กลับบ้านช่วงฮารีรายอ เผยต้นตอคนไทย ส่วนต่างด้าวติดอยู่ก่อนแล้ว
วันที่ 13 พ.ค.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่จากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสงขลา โรงพยาบาลจะนะ และสำนักงานควบคุมโรคที่ 12 สงขลา เข้าประชุมร่วมกันเพื่อวางแนวทางในการสอบสวนและควบคุมโรค กรณีพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ภายในโรงงานแปรรูปอาหารทะเล ของบริษัทสยามอินเตอร์เนชั่นแนลฟู้ด จำกัด ในพื้นที่ ต.นาทับ อ.จะนะ จ.สงขลา รวม 24 คน จากการตรวจเชิงรุกกว่า 500 คน แยกเป็นพนักงานไทย 10 คน และแรงงานต่างชาติอีก 14 คน
โดยได้ข้อสรุปที่จะสอบสวนโรค คัดแยกกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูง เสี่ยงต่ำ และเข้าตรวจเพาะเชื้อ โดยในวันนี้ได้สอบสวนโรคในกลุ่มแรงงานต่างด้าว ที่เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง พร้อมทำการสวอบทันที 60 คน และมีผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำอีกจำนวน 500 คน ที่จะเข้าตรวจเชื้อเชิงรุกในวันพรุ่งนี้
นพ.อุทิศศักดิ์ หริรัตนกุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสงขลา กล่าวว่า ในผู้ป่วยกลุ่มนี้ได้เร่งสอบสวนโรคเพื่อให้สามารถควบคุมโรคได้อย่างทันท่วงที เช่นเดียวกับคลัสเตอร์อื่นๆ โดยผู้ป่วยติดเชื้อจำนวน 24 รายนั้น ได้รับตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลสนามแล้ว ส่วนแรงงานต่างด้าวทั้งหมดกว่า 1 พันคนนั้น จะต้องกักตัวและสังเกตอาการเป็นเวลา 14 วัน และเจ้าหน้าที่ได้สอบสวนโรค แยกผู้สัมผัสเสี่ยงสูง เสี่ยงต่ำ เพื่อทำการตรวจหาเชื้อ
ส่วนพนักงานคนไทยกว่า 1,500 คน ที่ส่วนหนึ่งได้เดินทางกลับภูมิลำเนา ทั้งใน จ.สงขลาและจังหวัดใกล้เคียง เนื่องในวันหยุดในเทศกาลฮารีรายอนั้น ได้มีการประสานงานพร้อมให้รายงานตัวที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน พร้อมให้สังเกตอาการ ทั้งนี้ได้สั่งการให้ปิดโรงงานเบื้องต้น 5 วัน จากนั้นจะมีการประเมินสถานการณ์กันอีกครั้งว่าจะปิดเพิ่มหรือไม่อย่างไร
อย่างไรก็ตามพบว่าการสอบสวนโรคนั้น เริ่มต้นมีพนักงานของโรงงานติดเชื้อมาจากคลัสเตอร์ร้านอาหารแห่งหนึ่งในย่านวชิรา อำเภอเมืองสงขลา เพียง 1 คน จากนั้นพบผู้ติดเชื้อ เป็นคนไทยอีก 5 คน ซึ่งเป็นพนักงานที่มีสัมผัสกับผู้ป่วยรายแรก ส่วนแรงงานต่างด้าวนั้นพบว่าป่วยอยู่ก่อนแล้ว และเข้าพบแพทย์จนกระทั่งได้มีการตรวจหาเชื้อ ซึ่งยังไม่พบความเชื่อมโยงกลุ่มผู้ป่วยไทยในโรงงาน ทำให้เจ้าหน้าที่ยังต้องทำการสอบสวนโรคในกลุ่มนี้เพิ่มเติมว่ามีการสัมผัสกับแรงงานต่างด้าวในพื้นที่อื่นๆ หรือไม่