ปัตตานียังอ่วม ยอดโควิดพุ่งกว่า 400 คน พยาบาลติดเชื้ออีก 30 ราย
ข่าววันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดปัตตานี ยังคงสูงเกิน 400 คนอย่างต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 2 ภายหลังมาตรการผ่อนปรน หลังจากถูกกำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดสีแดงเข้ม พื้นที่เคอร์ฟิว ห้ามผ่านเข้าออกจังหวัด ห้ามออกจากเคหสถาน ตั้งแต่เวลา 21.00-04.00 น.
ล่าสุดเมื่อคืนนี้ 11 ตุลาคม 2564 พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มถึง 423 ราย มีผู้เสียชีวิตจากติดเชื้อโควิด 4 ราย ยอดล่าสุดผู้ติดเชื้อเสียชีวิตสะสมเป็น 331 รายแล้ว เป็นจังหวัดหนึ่งที่อัตราการตายเกินร้อยละ 1.3% ยังคงติดอันดับต้นๆ ของภาคใต้ ขณะยอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 27,115 ราย และพบว่ามีผู้ป่วยหนักมีอีกหลายราย ซึ่งยอดตัวเลขผู้เสียชีวิตและยอดผู้ติดเชื้อสะสมรายใหม่ที่เพิ่มขึ้นในขณะนี้ยังน่าเป็นห่วง ปัจจุบันมีผู้รักษาตัวอยู่ รพ.สนาม 3, 271 ราย และในขณะที่ผู้ได้รับวัคซีนเข็มแรกแล้ว 273,856 ราย
นอกจากนี้ มีรายงานว่าที่โรงพยาบาลปัตตานีขณะนี้ต้องรับสมัครบุคลากรและ อสม.มาช่วยงานในโรงพยาบาลเร่งด่วน เนื่องจากล่าสุดมีพยาบาลประจำ รพ.ติดโควิดเพิ่มอีก 30 คน ทำให้บุคลากรขาดแคลนอย่างมาก แพทย์ต้องทำงานอย่างหนักเพิ่มขึ้นไปอีก
ทาง สสจ.ปัตตานีเตรียมวางแผนรับมือ และเตรียมบุคลากร รวมทั้งต้องเร่งฉีดวัคซีนให้มากที่สุด ทั้งนี้ดำเนินการวางแผนได้เปิดฉีดวัคซีน แนวรุกกระจายไปทั้ง 12 อำเภอ ขณะนี้ได้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ น.ร.นักศึกษาไปแล้ว และวันที่ 13-16 นี้ จะเปิดให้ทุกคนได้รับวัคซีนอีก ไม่ต่ำกว่า 2,000 คนต่อวัน
ด้าน ทางศบค.จังหวัดยืนยันว่ายังไม่มีมาตรการที่จะล็อกดาวน์แต่อย่างใด ว่าที่ร้อยโท ตระกูล โทธรรม รองผู้ว่าจังหวัดปัตตานี เปิดเผยว่า สถานการณ์ในขณะนี้ อยู่ที่ 400-500 กว่าคนต่อวัน เป็นที่น่าเป็นห่วง เรื่องการจัดการและเตียงสนาม อาจจะไม่พอ เรายังเปิดให้อยู่ในมาตรการผ่อนปรน เพื่อให้ประชาชนได้ออกจับจ่าย ตามความจำเป็นได้ และเปิดตามระยะเวลาที่กำหนดแต่ทั้งนี้ให้ประชาชน ระมัดระวัง ตระหนักรู้ ให้มาก เป็นเรื่องของทุกคนต้องระวังสังคมโดยรวม โดยเฉพาะผู้ประกอบการ ร้านอาหารในตัวเมืองทั้งหมด ที่เปิดแล้วต้องรักษามาตรการอย่างเคร่งครัดด้วย หลังจากนายกรัฐมนตรีประกาศจะเปิดประเทศ พ.ย.นี้ และในช่วงเร็วนี้ต้องรณรงค์ให้ทุกคนในจังหวัดปัตตานี มาร่วมฉีดวัคซีนกันให้มากที่สุด ป้องกันตนเองและสังคมโดยรวม ทั้งนี้ การล็อกดาวน์ แก้ปัญหาได้ระดับหนึ่ง แต่พอเราคลายล็อกดาวน์ก็จะกลับมาสูงอีกการดูแลตนเองของประชาชน วางมาตรการ ต่างคนต่างช่วยกันแล้ว จะอยู่ร่วมกับวิกฤตนี้ได้ แบบนี้จะลดความเสี่ยงและป้องกันได้มากกว่า