ส่องหุ้น GULF คาดกำไรปกติ Q3 สูงเป็นประวัติการณ์, ประเมินกำไร 5 ปีโตต่อเนื่อง
ทันหุ้น-สู้โควิด : บล.โนมูระ พัฒนสิน มีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF โดยคาดว่าแนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 3/63 อยู่ที่ 983 ล้านบาท ลดลง 9%ช่วงเดียวกันปีก่อน และลดลง 48% จากไตรมาส 2/63 แต่หากตัดรายการพิเศษที่ขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน พบว่ากำไรปกติงวดไตรมาส 3/63 จะอยู่ที่ราว 1,330 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 34% จากไตรมาส 2/63 โดยกำไรไตรมาส 3/63 จะสูงเป็นประวัติการณ์
ฝ่ายวิจัยฯ มองว่ากำไรไตรมาส 3/63 ของ GULF ที่เติบโต เป็นการโตตามอัตรากำไรขั้นต้นซึ่งคาดว่าอยู่ที่ราว 25.2% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 24.3% ส่วนไตรมาส 2/63 อยู่ที่ 23.3% ด้านส่วนแบ่งกำไรที่โตมาอยู่ที่ราว 640 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากไม่มีการปิดซ่อมโรงไฟฟ้า ประกอบกับได้อัตรากำไรที่เพิ่มขึ้นของโรงไฟฟ้า SPP มาหนุน
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 4/63 คาดว่าจะมีกำไรปกติอยู่ที่ 1,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 79% จากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่ลดลง 10% จากไตรมาส 3/63 ปัจจัยที่ทำให้กำไรเพิ่มขึ้น หลักๆ จากส่วนแบ่งกำไรที่โต จากแรงเสิรมจากโรงไฟฟ้าลมในประเทศเยอรมนี และไม่มีการปิดซ่อมใหญ่
โรงไฟฟ้า SPP แต่ที่ลดลงจากไตรมาส 3/63 เนื่องจากไม่มีเงินปันผลเหมือนไตรมาส 3/63
ฝ่ายวิจัยฯ ได้ปรับลดประมาณการกำไรปกติของ GULF ในปี 2563-2564 ลง -14% และ -8% เพื่อสะท้อนอัตรากำไรขั้นต้นของโรงไฟฟ้า SPP
ที่ต่ำกว่าคาด จากต้นทุนก๊าซปรับลงน้อยกว่าคาด และเลื่อนการนำเข้า LNG ออกไป ซึ่งกลบการปรับส่วนแบ่งกำไรขึ้นจากการเข้าถือหุ้นโรงไฟฟ้าลมในเยอรมนีที่สูงกว่าคาด
หลังจากปรับประมาณการดังกล่าว คาดว่ากำไรปกติในปี 2563 จะอยู่ที่ 4,474 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% จากปีก่อนส่วนในปี 2564 กำไรอยู่ที่ 8,592 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีนี้ 92%
ฝ่ายวิจัยฯ ได้แนะนำซื้อเก็งกำไรในหุ้น GULF บนความน่าสนใจของการเติบโตของกำไรต่อเนื่องใน 5 ปีข้างหน้า(2564-2568) จากการจำหน่าย
ไฟฟ้าเชิงพาณิขย์(COD) โรงไฟฟ้า IPP ต่อเนื่อง ส่งผลให้ Equity MW เพิ่มกว่า 2 เท่าตัว โดยกำไรปกติในปี 02564-2566 โตเฉลี่ย 45% ต่อปี CAGR เด่นสุดในกลุ่ม โดยประเมินราคาเป้าหมายของปี 2564 อยู่ที่ 37.50 บาท
ราคาหุ้น GULF ปิดเมื่อวันศุกร์อยู่ที่ 32.25 บาท บวก 1.00 บาท หรือ 3.20% มีมูลค่าการซื้อขาย 3,398.27 ล้านบาท