สาว15 ขี่จยย.กลับจากบ้านแฟน พบเป็นศพดับปริศนา เร่งคลี่ปมฆาตกรรมหรืออุบัติเหตุ

สาว 15 ขี่จยย.กลับจากบ้านแฟน ก่อนเป็นศพดับปริศนากลางถนน เร่งคลี่ปมฆาตกรรมหรืออุบัติเหตุ แฟนหนุ่มบอกหายตัวไปทั้งคืน รู้อีกทีเป็นศพไปแล้ว

เมื่อเวลา 06.45 น. วันที่ 27 ก.พ. ร.ต.อ.จรูญ โสภิกุล รองสารวัตรสอบสวน สภ.บางกล่ำ จ.สงขลา รับแจ้งพบศพผู้เสียชีวิตในร่องกลางถนนสายเอเชีย เส้นทางสายหาดใหญ่-รัตภูมิ หมู่5 ต.ท่าช้าง อ.บางกล่ำ ก่อนถึงปากทางเข้านิคมอุตสาหกรรมภาคใต้ (นิคมอุตสาหกรรมฉลุง) หลังรับแจ้ง จึงลงพื้นที่ไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุ พร้อมด้วย พ.ต.อ.พงศ์พสิษฐ์ ทองด้วง ผกก.ฯ พ.ต.ท.สนิท สุดทองคง รอง ผกก.(สอบสวน) พ.ต.อ.ธนวัต เส้งสุย ผกก.สืบสวนตำรวจภูธรจ.สงขลา และทีมเจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน9 และทีมสืบสวนของ สภ.บางกล่ำและชุดสืบสวนตำรวจภูธร จ.สงขลา และชุดสืบสวนภาค9

ที่เกิดเหตุพบร่างหญิงสาววัยรุ่น นอนเสียชีวิตอยู่ในร่องกลางถนน สวมกางเกงขายาวสีขาว และเสื้อยืดแขนยาวสีม่วง ในสภาพที่ถูกรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า สีขาว-ดำ ทะเบียน 1 กย4231 สงขลา ทับที่ศีรษะและลำตัวท่อนบน เสียชีวิตมาประมาณ 5 ชั่วโมง

จากการชันสูตรพลิกศพ เบื้องต้นพบบริเวณใบหน้าด้านขวามีรอยช้ำ และผิดรูป แต่ไม่พบบาดแผลตามร่างกาย ที่เป็นสาเหตุของการตาย จึงยังไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าเป็นอุบัติเหตุหรือถูกฆาตกรรมอำพราง จึงส่งศพไปให้แพทย์นิติเวชน์ โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ผ่าชันสูตรหาสาเหตุการตายอย่างละเอียดอีกครั้ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สภาพรถจักรยานยนต์ไม่มีร่องรอยการเฉี่ยวชน และเกียร์รถยังค้างอยู่ที่เกียร์ 4 แต่รูกุญแจถูกปิด และกุญแจรถหายไป ยังพบรองเท้าแตะสีชมพูแบบผู้หญิง และรองเท้าแตะแบบผู้ชาย ตกอยู่ใกล้ศพ โทรศัพท์ มือถือยี่ห้อซัมซุง สีขาว ของผู้ตายตกอยู่ในที่เกิดเหตุ และยังมีมีร่องรอยของรถจักรยานยนต์ ที่พุ่งลงมาจากถนนจนมาล้มลงจุดเกิดเหตุเป็นทางยาวประมาณ 10 เมตร

ตำรวจสืบสวนจนทราบชื่อผู้ตายคือ น.ส.บี (นามสมมุติ) อายุ 15 ปี นักเรียนชั้นม.3 ของโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.หาดใหญ่ มีภูมิลำเนาอยู่ในที่บ้านป่ายาง หมู่ 9 ต.ท่าช้าง อ.บางกล่ำ จ.สงขลา ซึ่งมีบ้านพักอยู่ห่างจากจุดที่พบศพประมาณ 7 กิโลเมตร

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เรียกญาติและแฟนหนุ่มของน.ส.บี อายุ 16 ปี ซึ่งเป็นคนสุดท้ายที่อยู่กับน้องมาสอบสวน เพื่อหาเบาะแสต่างๆ เบื้องต้นทราบว่ากระเป๋าสะพายผู้ตายหายไป
ด้วย โดยเจ้าหน้าที่สงสัยว่า การเสียชีวิตของน้องบี เป็นไปได้ว่าอาจจะมีเรื่องการชิงทรัพย์มาเกี่ยวข้องด้วย หรืออาจถูกฆาตกรรมอำพราง นอกเหนือจากอุบัติเหตุขับรถจักรยานยนต์ล้มเอง

จากการสอบถามญาติที่ใกล้ชิดกับน้อง บอกว่า น้องบีขออนุญาตแม่ออกไปหาแฟนหนุ่มตั้งแต่เมื่อเวลา 11 โมง ของวันที่ 26 ก.พ.ที่ผ่านมา และไม่ได้หนีเที่ยวตามที่เพจข่าวบางแห่งนำเสนอ ซึ่งแม่ก็อนุญาต เพราะปกติในช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ก็จะไปหาแฟนหนุ่มที่บ้านใน ต.ท่าช้าง อ.บางกล่ำ เป็นประจำ

แต่ครั้งนี้พบความผิดปกติ เพราะน้องหายไปทั้งคืนไม่กลับบ้าน จึงโทรหาแฟนหนุ่ม แฟนหนุ่มก็ยืนยันว่าน้องขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้าน ตั้งแต่เที่ยงคืนกระทั่งรุ่งเช้า รู้ข่าวว่าน้องเสียชีวิตอยู่ในร่องกลางถนนสายเอเชีย ส่วนสาเหตุญาติยังรอผลการสืบสวนของตำรวจว่า เป็นอุบัติเหตุหรือถูกฆาตกรรมกันแน่

ด้านแฟนหนุ่ม วัย 16 ปี กล่าวว่า แฟนสาวมาหาตนที่บ้านตอนเที่ยงของเมื่อวันที่ 26 ก.พ. และพากันไปเที่ยวที่ห้างสรรพสินค้าในเมืองหาดใหญ่กินก๋วยเตี๋ยวด้วยกัน และกลับมาบ้านและอยู่ด้วยกันตลอด และตอนกลางคืนแฟนสาวยังชวนตนออกไปเที่ยวในเมืองหาดใหญ่ แต่ตนไม่ไป และหลับไป เมื่อตื่นขึ้นมาตอนเที่ยงคืนพบว่าแฟนสาวแอบขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้านไปแล้ว จึงแชตหา ก็ไม่ตอบ และโทรไปหาพี่สาวก็บอกว่ายังไม่กลับบ้าน พยายามโทรหาก็โทรไม่ติด สุดท้ายก็มาทราบว่าเสียชีวิตแล้วในตอนเช้า

พ.ต.อ.ธนวัต เส้งสุย ผกก.สืบสวนตำรวจภูธร จ.สงขลา เปิดเผยว่า จากการสอบสวนพยานแวดล้อมและแฟนหนุ่มไม่พบความผิดปกติอะไร ส่วนสาเหตุของการเสียชีวิตตำรวจได้ตั้งไว้ 2 ประเด็นคือ อุบัติเหตุจากการขี่รถจักรยานยนต์ล้มเอง และประเด็นการถูกชิงทรัพย์ ซึ่งก็เป็นไปได้เช่นกัน

“จากสอบสวนเบื้องต้นพบว่ากระเป๋าสะพายที่พกติดตัวตลอดหายไป ซึ่งเป็นไปได้ว่า ตอนเกิดเหตุอาจจะถูกคนร้ายขี่รถจักรยานยนต์ตามมาชิงทรัพย์ และกระชากกระเป๋าทำให้รถจักรยานยนต์เสียหลักตกลงไปในร่องกลางถนน และคนร้ายลงมาชิงกระเป๋าไป ส่วนสาเหตุของการเสียชีวิตนั้น ต้องรอผลตรวจพิสูจน์จากแพทย์ว่าถูกทำร้ายหรือไม่” พ.ต.อ.ธนวัต กล่าว

ตำรวจชุดสืบสวน สภ.บางกล่ำและชุดสืบสวนตำรวจภูธรจ.สงขลา กำลังอยู่ระหว่างการตรวจภาพจากกล้องวงจรปิดในเส้นทางเกิดเหตุ เพื่อหารถจักรยานยนต์ต้องสงสัยที่อาจจะขับตามผู้ตายมาเพื่อนำมาเชื่อมโยงกับประเด็นการถูกชิงทรัพย์

หลังเกิดเหตุทางตำรวจศูนย์พิสูจน์หลักฐาน9 ลงพื้นที่ตรวจที่เกิดเหตุอีกครั้ง เพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติมรวมทั้งเส้นทางที่เชื่อมโยงกับกับจุดเกิดเหตุ พบว่ามีเส้นทางสวนยางที่สามารถทะลุออกไปได้หลายเส้นทาง แต่จากการสอบถามลูกจ้างกรีดยางที่อยู่ใกล้กับจุดเกิดเหตุ ก็ไม่พบว่ามีเสียงรถจักรยานยนต์ขับเข้ามาในช่วงเกิดเหตุ มีเพียงรถจักรยานยนต์ของชาวสวนยางที่ขับมากรีดยางในช่วงใกล้รุ่งเท่านั้น