รีเซต

‘เจมาร์ท’ ควงดีลเลอร์ใหญ่ค้าปลีกเครื่องใช้ไฟฟ้า ผุดร้านเจดี ขายทั้งเงินสด-ผ่อน เจาะหัวเมืองต่างจังหวัด

‘เจมาร์ท’ ควงดีลเลอร์ใหญ่ค้าปลีกเครื่องใช้ไฟฟ้า ผุดร้านเจดี ขายทั้งเงินสด-ผ่อน เจาะหัวเมืองต่างจังหวัด
ข่าวสด
10 กุมภาพันธ์ 2565 ( 18:02 )
135
‘เจมาร์ท’ ควงดีลเลอร์ใหญ่ค้าปลีกเครื่องใช้ไฟฟ้า ผุดร้านเจดี ขายทั้งเงินสด-ผ่อน เจาะหัวเมืองต่างจังหวัด

ข่าววันนี้ นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้จัดตั้ง บริษัท เจ ดี กรุ๊ป จำกัด ซึ่งเป็นการรวมตัวของผู้ประกอบการตัวแทนจำหน่าย (ดีลเลอร์) ขายเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดทั่วประเทศภายใต้ทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท เจมาร์ท ถือหุ้น 24.9% เพื่อปลุกตลาดค้าปลีกตามหัวเมืองต่างจังหวัด ผ่านฐานลูกค้าของดีลเลอร์ ทั้งในรูปแบบเงินสดและเงินผ่อน ผ่านสินเชื่อของเคบี แคปปิตอล (KB J) ไม่มีบัตรเครดิตก็ผ่อนได้, สินค้าและสินเชื่อเงินผ่อนของ ซิงเกอร์

 

“การจัดตั้งเจดีกรุ๊ป เพื่อเสริมอีโคซิสเต็มของกลุ่มเจมาร์ทให้ครบวงจรยิ่งขึ้น รวมทั้งการนำเทคโนโลยีและระบบมาให้อุตสาหกรรมค้าปลีกเข้าสู่รูปแบบดิจิทัล เพื่อผลักดันให้ค้าปลีกไทยหนีการถูกดิสรัปชันที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ และเสริมสร้างความเข้มแข็งของผู้ค้าปลีกเครื่องใช้ไฟฟ้าตามหัวเมืองทั่วประเทศ และเปิดโอกาสสร้างพันธมิตรทางการค้าเพื่อผนึกร่วมกัน อาทิ การนำโทรศัพท์มือถือ, โซลา รูฟท็อป และสินค้าเทคโนโลยีของเจมาร์ท เข้ามาจัดจำหน่ายในร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าได้เพิ่มเติม ทำให้การกระจายสินค้าครอบคลุมกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในทุกช่องทางมากยิ่งขึ้น”

 

นายยงยุทธ เตชะเศรษฐธนะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ ดี กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทจะเริ่มธุรกิจในวันที่ 1 มี.ค.นี้ ปัจจุบันมีดีลเลอร์เครื่องใช้ไฟฟ้ากว่า 8 รายที่เข้าร่วมเป็นพันธมิตร ได้แก่ 1. บริษัท กู๊ดดีล คอร์ปอเรชั่น จำกัด, บริษัท มัลติ โปร เซ็นเตอร์ จำกัด, บริษัท พูนสิน จำกัด, บริษัท เดอะเกรท อิเลคทริค ซิตี้ จำกัด, บริษัท เดอะเบสท์วัน ระยอง จำกัด, บริษัท นคร ดี ซี จำกัด, บริษัท สงวนพาณิชย์ เอวี จำกัด และหจก. สุรินทร์ ที่จำนวนสาขารวมกัน 14 แห่ง มาปรับโฉมเป็นร้านเจดี ( JAYDEE) และมีแผนจะขยายเพิ่มเป็น 100 สาขาในปีนี้

 

ตลาดของเจดีเน้นจะเป็นกลุ่มลูกค้าตามหัวเมืองในต่างจังหวัด ตั้งเป้าหมายในปีแรกจะมีรายได้ที่ 1,000 ล้านบาท กำไร 50 ล้านบาท ปีที่ 2 เพิ่มเป็น 1,800 ล้านบาท กำไร 100 ล้านบาท และปีที่ 3 รายได้ 3,500 ล้านบาท กำไร 300 ล้านบาท พร้อมนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในอีก 3 ปี หรือในปี 2567

ข่าวที่เกี่ยวข้อง