เครดิตภาพปกจาก Miloslav Hamřík / Pixabay หลายคนที่เริ่มสนใจลงทุนใน Cryptocurrency คงคุ้นเคยกันดีกับคําว่า Bitcoin แต่สงสัยกันหรือไม่ว่าทําไมใคร ๆ ก็ต่างแนะนําให้มือใหม่เริ่มศึกษาจากบิตคอยน์หรือเริ่มลงทุนกับบิตคอยน์ก่อน? ในบทความนี้เราจะมาทําความเข้าใจถึงจุดเด่นหรือเรื่องที่ต้องรู้ก่อนเริ่มลงทุนในบิตคอยน์ทั้ง 7 ข้อต่อไปนี้!1.Bitcoin เป็นคริปโตสกุลแรกของโลกบิตคอยน์ (Bitcoin) คือคริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) “สกุลแรกของโลก" และมีมูลค่าสูงที่สุดในตลาดคริปโต ณ ปัจจุบัน สามารถใช้แลกเปลี่ยนสินค้าและบริการได้โดยไม่ต้องผ่านตัวกลาง หมายความว่า แม้จะอยู่ประเทศไหนบนโลกก็สามารถทําธุรกรรมทางการเงินข้ามประเทศได้เพียงแค่มีอินเทอร์เน็ต และที่สําคัญค่าธรรมเนียมในการทําธุรกรรมนั้นถือว่าถูกมาก หากเทียบกับการทําธุรกรรมผ่านตัวกลาง2. ใช้บล็อกเชนในการทำงาน บิตคอยน์ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) ในการบันทึกธุรกรรม โดยบล็อกเชนเป็นเทคโนโลยีในการเก็บข้อมูลที่มีความน่าเชื่อถือและปลอดภัยมากที่สุด มีหลักการทํางานแบบกระจายศูนย์ (Decentralized) ที่สําเนาของข้อมูลจะถูกเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องในเครือข่าย และระบบจะมีการตรวจสอบให้ข้อมูลทุกเครื่องตรงกันอยู่เสมอ จึงยากต่อการปลอมแปลงข้อมูล และสามารถตรวจสอบได้อย่างโปร่งใสการจะแฮกข้อมูลในเครือข่ายบล็อกเชน ผู้แฮกหรือผู้ไม่ประสงค์ดีต้องแฮกคอมพิวเตอร์ในเครือข่ายให้ได้มากกว่าครึ่งหนึ่งของคอมพิวเตอร์ในเครือข่ายทั้งหมดเท่านั้นดังนั้น บิตคอยน์ที่สร้างอยู่บนบล็อกเชนจึงถือเป็นธุรกรรมที่มีความปลอดภัยสูงมาก เรียกได้ว่าตั้งแต่เกิดบิตคอยน์ขึ้นมายังไม่มีใครสามารถปลอมแปลงข้อมูลในบล็อกเชนได้เลย3.ไม่มีใครทราบตัวตนผู้สร้าง Bitcoinบิตคอยน์ถือกําเนิดขึ้นในปี 2009 “โดยผู้สร้างที่ใช้นามแฝงว่าซาโตชินากาโมโต(Satoshi Nakamoto)” จุดประสงค์ของเขาคือต้องการสร้างสกุลเงินที่เป็นอิสระ ไม่ขึ้นตรงต่อรัฐบาลหรือองค์กรใดองค์กรหนึ่งแม้เขาจะเป็นถึงผู้สร้างเหรียญบิตคอยน์แต่จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีใครทราบตัวตนที่แท้จริงของเขา ไม่สามารถบอกได้ชัดเจนว่าซาโตชิเป็นบุคคลหรือเป็นกลุ่มบุคคลกันแน่มีหลายคนตั้งข้อสงสัยในตัวซาโตชิด้วยเหตุผลต่าง ๆ ข้อสงสัยนี้ทําให้เหล่านักสืบออนไลน์จากทั่วทุกมุมโลกพยายามสืบหาตัวตนที่แท้จริงของซาโตชิแต่ก็ยังไม่มีใครทําสําเร็จ แม้จะมีบางคนที่อ้างตนว่าคือซาโตชิตัวจริง แต่ก็ไม่มีหลักฐานหรือข้อมูลยืนยันที่ชัดเจนและยังไม่เป็นที่ยอมรับอย่างเป็นทางการ ทําให้ปริศนานี้ยังไม่ถูกเปิดออกแม้จะผ่านมากว่า 12 ปีแล้วก็ตาม อนึ่งบางคนได้ตั้งข้อสังเกตว่า สาเหตุที่ซาโตชิไม่ยอมออกมาเปิดเผยตัวตน อาจเป็นเพราะเขากลัวว่าจะทําให้บิตคอยน์สูญเสียความกระจายศูนย์(Decentralization) เนื่องจากถ้าทุกคนรู้ตัวตนที่แท้จริงของเขา สื่อต่าง ๆ ก็จะมุ่งเป้าหมายตัวซาโตชิตลาดก็จะให้ความสําคัญกับคําพูดของเขาแต่เพียงคนเดียว ซึ่งขัดแย้งกับหลักการกระจายศูนย์ของบิตคอยน์4.บิตคอยน์มีจํากัดเพียง 21 ล้านเหรียญเครดิตภาพจาก : André François McKenzie / Unsplashบิตคอยน์ถูกสร้างขึ้นมาให้มีจํากัดที่ 21 ล้านเหรียญ เพราะว่าผู้สร้างบิตคอยน์ได้คาดการณ์ไว้แล้วว่า หากบิตคอยน์มีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและไม่มีจํากัด อาจทําให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ และจะทําให้มูลค่าของบิตคอยน์ลดลงจนหายไปจากตลาดได้ดังนั้นการจํากัดจํานวนเหรียญบิทคอยน์จึงเป็นการตัดไฟตั้งแต่ต้นลมเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันในอนาคตและด้วยคุณสมบัติที่มีอยู่อย่างจํากัดของบิตคอยน์นี้เองจะทําให้มูลค่าของบิตคอยน์เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในอนาคตนั่นเองปัจจุบันบิตคอยน์ถูกขุดขึ้นมาแล้วกว่า 18 ล้านเหรียญ เหลืออีกเพียงไม่ถึง 3 ล้านเหรียญเท่านั้น โดยคาดการณ์ว่าจะถูกขุดขึ้นมาครบ 21 ล้านเหรียญ ในปีค.ศ. 2140 หรืออีก 119 ปีนั่นเองเชื่อว่าต้องมีหลายคนที่สงสัยว่าหากขุดบิตคอยน์ขึ้นมาครบ 21 ล้านเหรียญ แล้วจะเป็นอย่างไรต่อไป เรื่องนี้ยังไม่มีใครสามารถให้คําตอบได้มูลค่าของบิตคอยน์อาจพุ่งสูงยิ่งขึ้น เนื่องจากเป็นทรัพยากรที่มีอย่างจํากัดและต้องใช้หมุนเวียนในตลาด ทําให้บิตคอยน์ยังเป็นเจ้าแห่งวงการคริปโตต่อไป หรือในทางกลับกันมูลค่าที่สูงและความหายากอาจทําให้เหล่านักล่าบิตคอยน์หันไปสนใจเหรียญสกุลอื่นมากขึ้น จนทําให้บิตคอยน์เสียตําแหน่งก็เป็นไปได้จึงต้องจับตาดูกันต่อไป5.เป็นต้นแบบให้คริปโตสกุลอื่น ๆบิตคอยน์ถือเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ประสบความสําเร็จและเป็นคริปโตที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก ทําให้ผู้คนส่วนใหญ่สนใจและยอมรับให้เงินดิจิทัลเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจําวันมากยิ่งขึ้นและต้องยอมรับว่าความสําเร็จของบิตคอยน์ได้เป็นแรงบันดาลใจให้เกิดเหรียญดิจิทัลสกุลอื่น ๆ ตามมามากมายหลายพันสกุลทั่วโลก ที่เรียกกันว่า“Altcoin” (AlternativeCoin) หรือเป็นสกุลเงินทางเลือกที่มีขึ้นมาสําหรับนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงในเหรียญสกุลอื่นนอกจากบิตคอยน์ปัจจุบันAltcoin หลายสกุลก็เป็นที่โด่งดังในตลาดคริปโตและได้รับความสนใจไม่แพ้บิตคอยน์เช่นEthereum(ETH), Tether (USDT),Dogecoin (DOGE)ก็ได้รับความนิยมตามกันมาติด ๆ6.ทุก 4 ปีจะมีเหตุการณ์สําคัญเครดิตภาพจาก : André François McKenzie / Unsplash“Bitcoin Halving” “เป็นกฎเกณฑ์ที่ผู้สร้างบิทคอยน์ ” ซาโตชินากาโมโต ได้กําหนดขึ้นมา โดยทุก ๆ 210,000 บล็อกที่สร้างขึ้น จะเกิดการHalving “ซึ่งก็คือการลดจํานวน Block Reward” ที่เป็นเงินรางวัลของนักขุดลงครึ่งหนึ่งซึ่งค่าตอบแทนนี้ก็คือเหรียญบิตคอยน์ที่เกิดขึ้นมาใหม่นั่นเองโดยประมาณแล้ว นักขุดจะใช้เวลา 10 นาทีต่อการสร้าง 1 บล็อก หมายความว่า 210,000 บล็อก จะถูกสร้างขึ้นภายใน 2,100,000 นาที หรือคิดเป็นประมาณ4 ปีที่จะเกิดปรากฏการณ์Bitcoin Halving ขึ้นหากนับตั้งแต่ปี 2009 ที่บิตคอยน์เกิดขึ้นมา จนถึงปัจจุบัน ก็ได้เกิดปรากฏการณ์Bitcoin Halving ทั้งหมด3 ครั้งด้วยกัน แต่ละครั้ง BlockReward ก็จะลดลงครึ่งหนึ่ง จากเดิมที่ 50 BTC/Block ลดลงเหลือเพียง 6.25 BTC/Block ในปัจจุบันเท่านั้นหลายคนอาจสงสัยว่าหาก Block Reward ลดลงทุก ๆ 4 ปีเช่นนี้แล้วอนาคตบิตคอยน์จะปิดตัวลงหรือไม่ค่าตอบแทนที่น้อยลงจะทําให้นักขุดวางมือออกจากวงการไปหรือไม่ ?คําตอบคือไม่ใช่เลย บิตคอยน์ถูกสร้างขึ้นมาโดยมีหลักการคล้ายกับทอง ในช่วงแรกบิตคอยน์จะถูกขุดออกมาได้ง่ายและเยอะ จากนั้นจะค่อย ๆ ลดน้อยลง เช่นเดียวกับทองคําที่ช่วงแรกการขุดเหมืองหนึ่งครั้งก็ได้ทองมาเป็นกอบเป็นกํา แต่ภายหลังกลับได้น้อยลง แต่มูลค่าในตลาดก็สูงขึ้นเช่นกัน บิตคอยน์เองก็เป็นเช่นนั้น ยิ่งหายากมากเท่าไหร่ราคาในตลาดก็จะยิ่งสูงมากเท่านั้น เหตุนี้เองซาโตชินากาโมโตจึงได้สร้างกฏให้ BitcoinHalving เกิดขึ้นทุก ๆ 4 ปีนั่นเอง7. เป็นคริปโตที่มีส่วนแบ่งตลาดสูงสุดเป็นอันดับที่ 1เครดิตภาพจาก : Coinmarketcapบิตคอยน์เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มีส่วนแบ่งในตลาดสูงสุด เรียกได้ว่าเป็นเจ้าแห่งวงการคริปโตเลยก็ว่าได้สาเหตุที่บิทคอยน์ได้ฉายาเช่นนั้น เพราะปัจจุบันส่วนแบ่งทางการตลาดของบิตคอยน์ (อ้างอิงจากเว็บไซต์ coinmarketcap.com) มีส่วนแบ่งสูงถึง 44.71% แม้จะลดลงจากเดิมเล็กน้อย แต่เมื่อเทียบกับสัดส่วนในตลาดแล้วถือว่าบิทคอยน์ยังครองตลาดเป็นอันดับที่ 1 และทิ้งห่างเหรียญสกุลอื่นอย่างไม่เห็นฝุ่น และด้วยเหตุนี้เองทําาให้บิตคอยน์นั้นถูกมองเป็นกระจกที่สะท้อนภาพรวมของตลาดคริปโตทั้งหมด เมื่อราคาบิตคอยน์มีการเคลื่อนไหวใด ๆ ย่อมส่งผลต่อAltcoin ในตลาดเกือบทั้งหมดแต่ไม่ได้หมายความว่าAltcoin จะผันแปรตามBitcoin เสมอไป อาจมีหลายสิ่งที่ต้องพิจารณาเพิ่มเติม เช่นการไหลของเงิน(Fund Flow) เทคโนโลยี กระแสข่าว หรือกระแสโซเชียล เป็นต้น จึงต้องศึกษาข้อมูลอื่น ๆ เพิ่มเติมก่อนการลงทุน#Bitkub #Bitcoin #Cryptocurrency #Blockchain #Technology #Finance #Investingอ้างอิง : coinmarketcap , investopedia , money.cnn.comเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !