แบตติสต้า ไฮเปอร์คาร์ รถไฟฟ้า 1,900 แรงม้า
เป็นข่าวใหญ่ในวงการยานยนต์แห่งอนาคตอีกครั้ง เมื่อพีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์ รายงานความคืบหน้าจากอิตาลี กรณีของ Automobili Pininfarina (ออโตโมบิลลิ พินนินฟารินา) ประสบความสำเร็จในการพัฒนารถยนต์ Battista (แบตติสต้า) รุ่นใหม่ เป็นรถยนต์ hyper GT (ไฮเปอร์ จีที) ใช้พลังงานไฟฟ้า 100% ผ่านการทดสอบความเร็วสูงเป็นครั้งแรกที่อิตาลี
การผ่านการทดสอบครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของขั้นต่อไปในการพัฒนารถสปอร์ตสัญชาติอิตาลีทรงพลังที่สุดที่เคยมีการผลิตมา มีการทดสอบและตรวจสอบทั้งหมด 9 รายการสำหรับการขับขี่รถ Battista พลังงานไฟฟ้า 100% บนถนนสาธารณะและศูนย์ทดสอบเอกชน เพื่อปรับปรุงแก้ไข ตรวจสอบ และอนุมัติโครงรถยนต์ที่มีการปรับแต่งเฉพาะ ระบบกระจายแรงบิดขั้นสูง และประสบการณ์เสียง
Georgios Syropoulos (จิออร์จิออส ไซโรพาวลอส) ผู้ขับขี่ในการทดสอบและผู้จัดการฝ่ายพลศาสตร์ยานยนต์ เป็นผู้ดำเนินการทดสอบทางพลศาสตร์ที่สนามทดสอบ ทั้งการขับขี่ด้วยความเร็วสูงรอบวงแหวนขนาด 12.6 กิโลเมตรของสนาม Nard (นาร์ด) และการขับรอบสนามการทดสอบการบังคับควบคุมที่มีความคดเคี้ยวและยาว 6.2 กิโลเมตร
เปาโล เดลแลช ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์และวิศวกรรมของ Automobili Pininfarina กล่าวว่า “เราพัฒนาโดยใช้เทคโนโลยีการจำลองที่ก้าวหน้า ตอนนี้สามารถปรับปรุงแก้ไขการปรับเทียบโครงรถยนต์ที่มีการปรับแต่งเฉพาะ และระบบกระจายแรงบิดแบบ 4 มอเตอร์อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนของรถ Battista บนถนนและสนามทดสอบ”
แบตเตอรี่ขนาด 120 กิโลวัตต์ ของ Battista ให้พลังงานเครื่องยนต์ไฟฟ้า 4 มอเตอร์ แต่ละมอเตอร์สำหรับล้อแต่ละข้าง เพื่อให้มีพลังแรงม้า 1,900 แรงม้าและแรงบิดสูงสุดที่ 2,300 นิวตันเมตร ระบบส่งกำลังสามารถกระจายกำลังระหว่าง 4 ล้อได้อย่างอัจฉริยะ เพื่อป้องกันการลื่นไถลอย่างเต็มประสิทธิภาพในทุกสภาพการขับขี่ สามารถปรับโหมดการขับขี่ 5 โหมด
Georgios Syropoulos กล่าวว่า “ไฮเปอร์คาร์นี้ ให้มากกว่าแค่ความเร็วที่น่าตื่นเต้น โดยการวิ่งแบบไม่ปล่อยไอเสียได้ถึง 500 กิโลเมตรและเทคโนโลยีขับเคลื่อนทุกล้อขั้นสูง”
การทดสอบรถ Battista ตัวต้นแบบที่ Nard Technical Center (นาร์ด เทคนิคัล เซ็นเตอร์) ตัวรถทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ ภายในรถตกแต่งด้วยรายละเอียดหรูหรา ทำให้วิศวกรสามารถประเมินทุกองค์ประกอบของรถ hyper GT รุ่นใหม่นี้ได้อย่างละเอียดลออ
วิศวกรพัฒนาและปรับปรุงแก้ไขเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อให้พลศาสตร์ของการขับขี่มีประสิทธิภาพสูงสุด ประกอบด้วย
การปรับเบรก : Battista เป็นรถ hypercar ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นแรกที่ใช้เทคโนโลยีเบรก Brembo CCMR (เบรมโบ ซีซีเอ็มอาร์) แบบคาร์บอนเซรามิกได้รับแรงบันดาลใจจากรถแข่ง การปรับระบบเบรกเน้นการบูรณาการการทำงานเข้ากับเบรกแบบ aerobrake (แอโรเบรก) ความเร็วสูงและระบบคืนพลังงาน เพื่อสมรรถนะและความมั่นใจสูงสุดของผู้ขับขี่
การกระจายแรงบิด: ระบบกระจายแรงบิดแบบ 4 มอเตอร์จะปรับเพื่อให้เข้ากับคุณสมบัติเฉพาะแบบ เพื่อป้องกันการลื่นไถลที่ยอดเยี่ยม และเพื่อความมั่นใจสูงสุด ระบบกระจายแรงบิดที่ไม่ใช้พลังงานนี้ปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ในการคืนและสลับการใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างราบรื่น เพื่อระยะและประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น
การตั้งค่าโครงรถยนต์แบบปรับแต่งเฉพาะ: หลังจากการทดสอบพลศาสตร์จำลองราว 1,000 ชั่วโมง ส่วนประกอบของระบบกันสะเทือนปีกนกคู่ ล้ออะลูมิเนียมขึ้นรูป เพลาทอร์ชันบาร์ และค่าความยืดหยุ่นของเพลาปรับตั้งตามหลักจลนศาสตร์ (elastokinematics) จะได้รับการประเมินและปรับปรุงแก้ไข โดยใช้ประโยชน์สูงสุดจากตัวถังคาร์บอนไฟเบอร์แบบแข็งทนทานพิเศษที่เป็นชิ้นเดียวกันเพื่อประสบการณ์การขับขี่ที่สมบูรณ์แบบ
การตรวจสอบโหมดการขับขี่: ระบบกระจายแรงบิดที่ก้าวหน้า ทำให้สร้างคุณสมบัติแต่ละโหมดการขับขี่ได้เหนือกว่า เมื่อเทียบกับรถยนต์ระบบสันดาปภายในแบบดั้งเดิม การปรับปรุงซอฟต์แวร์และการตรวจสอบขั้นสุดท้ายสำหรับโหมดการขับขี่ทั้ง 5 โหมด จะทำบนถนนและสนามทดสอบ
การตรวจสอบยาง: ลูกค้าจะมีตัวเลือกระหว่างล้อหน้าและล้อหลัง Prezioso (เพรซิโอโซ) อะลูมิเนียมขึ้นรูปขนาด 20 นิ้ว กับล้ออะลูมิเนียมขึ้นรูป Impulso (อิมพัลโซ) ขนาด 20 นิ้วสำหรับล้อหน้า และขนาด 21 นิ้วสำหรับล้อหลัง สามารถลดน้ำหนักใต้ปริง (unsprung mass) ของทุกล้อได้ 8.9 กิโลกรัม มาพร้อมยางสมรรถนะสูงตามล้อที่เลือก ได้แก่ Michelin Pilot Sport Cup 2R (มิชลิน ไพลอต สปอร์ต คัพ ทูอาร์) หรือ Pirelli P Zero (พิเรลลิ พี ซีโร) โดยวิศวกรจะปรับแต่งโครงรถยนต์เพื่อให้รองรับการใช้งานแต่ละรูปแบบได้สูงสุดระหว่างการทดสอบทางพลศาสตร์
อากาศพลศาสตร์ความเร็วสูง: หลังจากการทดสอบแบบจำลองและการทดสอบอุโมงค์ลม ดีไซน์ภายนอกเอกลักษณ์และคุณสมบัติทางอากาศพลศาสตร์ที่คล่องตัว จะได้รับการปรับปรุงแก้ไขในการทดสอบในสนามทดสอบ เพื่อให้ลักษณะตัวรถสามารถให้เสถียรภาพเชิงอากาศพลศาสตร์ และสมรรถนะสูงสุดดังที่คาดได้จากรถ hyper GT ระดับหรู
ประสบการณ์เสียง: ให้ประสบการณ์ขับขี่ที่ไม่ธรรมดาในทุกสัมผัส การพัฒนาพลศาสตร์จะช่วยให้ช่างสามารถยกระดับระบบเสียงภายในและภายนอกรถยนต์ให้เหมาะสมกับความเป็นรถ hyper GT ในทุกสภาพการขับขี่
การส่งมอบรถยนต์ล็อตแรกให้แก่ลูกค้าในปี 2021 รถ Battista จะสามารถเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง (0-62 ไมล์/ชั่วโมง) ได้ในเวลาไม่ถึง 2 วินาที เร็วกว่ารถ ฟอร์มูลาวัน รุ่นปัจจุบัน และจะสามารถเร่งจาก 0-300 กิโลเมตร/ชั่วโมง (0-186 ไมล์ต่อชั่วโมง) ได้ในไม่ถึง 12 วินาที มีความเร็วสูงสุดที่ 350 กิโลเมตร/ชั่วโมง (217 ไมล์/ชั่วโมง)
นอกจากนี้ยังสามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตทั่วโลก ด้วยการร่วมมือกับบริษัท Deutsche Telekom (ดอยช์ เทเลคอม) โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
ระบบการเชื่อมต่อรองรับเทคโนโลยี โอเวอร์ ดิ แอร์ อัปเดตซอฟต์แวร์ได้ระยะไกลสำหรับโมดูลควบคุม 26 โมดูลของรถ Battista ครอบคลุมตั้งแต่ระบบส่งกำลังไฟฟ้า 100% ไปจนถึงระบบแสดงผลข้อมูลและความบันเทิงของรถ นอกจากนี้เทคโนโลยีการวินิจฉัยอัจฉริยะจะคอยติดตามและตรวจสอบรถ hyper GT นี้ เพื่อตรวจจับสิ่งที่อาจเป็นปัญหาก่อนจะเกิดขึ้น เป็นการนำการเชื่อมต่อแห่งศตวรรษที่ 21 เข้าสู่อุตสาหกรรมนี้เป็นครั้งแรก
ติดตั้งชุดบริการดิจิทัลใช้งานง่าย ประกอบด้วยระบบชาร์จจากความร่วมมือกับ ChargePoint (ชาร์จพอยต์) พร้อมวอลบ็อกซ์ ออกแบบโดย Pininfarina SpA ในสีเดียวกันกับตัวรถ
รถยนต์ Automobili Pininfarina Battista (ออโตโมบิลลิ พินนินฟาริน่า แบตติสต้า) ตั้งชื่อตาม Battista ‘Pinin’ Farina (แบตติสต้า พินนิน ฟาริน่า) ผู้ก่อตั้งบริษัทผลิตตัวถังรถยนต์ Carrozzeria Pininfarina (คาร์รอสเซอเรีย พินนินฟารินา) เมื่อปี 1930 รถยนต์ hyper GT ใช้พลังงานไฟฟ้า 100% นี้เป็นการทำตามความฝันของ Battista ต้องการเห็นรถผลิตโดยใช้ชื่อ Pininfarina และเป็นรถล็อตแรก ส่งมอบให้ลูกค้าในปี 2021 มีการสร้างตัวอย่างด้วยมือเป็นจำนวนไม่ถึง 150 คัน ในเมืองกัมเบียโน ประเทศอิตาลี ถือเป็นการผสมผสานที่ไม่เหมือนใครของดีไซน์ระดับตำนานและเทคโนโลยีพลังงานไฟฟ้า
นายพล