ไม่ว่าจะสังคมการทำงาน การเรียนหรือการพบปะกับบุคคลอื่น ๆ ย่อมทำให้เราได้เจอกับผู้คนหลากหลายประเภท บางคนก็สร้างแรงบันดาลใจและปลุกไฟในการทำสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างมากมาย ผิดกับบางคนที่แค่อยู่ใกล้ ๆ ก็ได้รับพลังงานลบมาเต็ม ๆ แต่ด้วยความที่มนุษย์เป็นสัตว์สังคม เราจึงเลือกเจอเฉพาะบุคคลที่สร้างพลังบวกให้กับเราไม่ได้ในทุกครั้ง การเรียนรู้ที่จะอยู่กับบุคคลหลาย ๆ ประเภท จึงมีความจำเป็นคนอีกหนึ่งประเภทที่สร้างความหนักใจและพลังลบให้เราไม่น้อย คือ คนประเภทที่ชอบคิดลบอยู่เสมอหรือคิดลบจนเป็นนิสัย เมื่อหลีกเลี่ยงคนเหล่านี้ไม่ได้ เรามาแบ่งปันและเรียนรู้วิธีที่จะต้องอยู่กับคนประเภทนี้กันค่ะภาพจาก pixabay.com1. ยึดมั่นในความคิดแง่ดีของตัวเองการที่จะต้องคลุกคลีหรือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับคนคิดลบอยู่บ่อย ๆ อาจทำให้เรารับพลังงานลบ ๆ จากคนเหล่านั้นมาอย่างไม่รู้ตัว ดังนั้น การตั้งสติและยึดมั่นในแนวทางความคิดดี ๆ ของตนเอง จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เราไม่ถูกคนเหล่านั้นและประเภทความคิดอันดำมืดของเขากลืนกินจนสูญเสียความเป็นตัวเองสุดท้ายเราก็จะเต็มไปด้วยความคิดลบ ไม่ต่างจากเขาเหล่านั้นเช่นเดียวกันภาพจาก pixbay.com2. หากเปลี่ยนหัวข้อเรื่องที่กำลังสนทนาได้ก็ควรเปลี่ยนคนที่เอาแต่คิดลบ บวกกับการพูดคุยเรื่องราวที่เต็มไปด้วยความรู้สึกไม่ดี เมื่อทั้งสองอย่างรวมเข้าด้วยกันแล้ว ก็มีแต่จะทำให้ความเครียดและความหดหู่ในใจของเราเพิ่มขึ้นไปอีก หากเป็นไปได้ ให้ค่อย ๆ ลองเปลี่ยนเรื่องที่กำลังสนทนาเป็นเรื่องที่ไม่ลบจนเกินไป ซึ่งจะเป็นผลดีกับทั้งผู้ฟังและผู้พูด จนสุดท้ายก็จบการสนทนาด้วยคำพูดและเรื่องราวดี ๆ นั่นเองค่ะภาพจาก pixabay.com3. การยัดเยียดความคิดและทัศนคติของเราไปให้ตัวเขา มักเป็นการกระทำที่ไร้ค่ากว่าคนหนึ่งคนจะเป็นคนคิดลบจนเป็นนิสัยติดตัว ก็น่าจะผ่านขั้นตอนการเรียนรู้ต่าง ๆ มาอย่างมากมาย การไปสอนให้คนเหล่านี้คิดบวกขึ้น ก็ใช่ว่าจะได้ผลเสมอไป ยิ่งหากเป็นคนที่มีทิฐิสูงเอามาก ๆ ยึดมั่นในความคิดและความเป็นตัวเอง โดยไม่ฟังผู้อื่นด้วยแล้ว การกระทำของเรายิ่งจะดูไร้ประโยชน์ แม้เราจะมองว่ามันเต็มไปด้วยความหวังดีก็ตาม อีกทั้งอีกฝ่ายอาจจะเข้าใจได้ว่าเรายัดเยียดสิ่งที่ตรงกันข้ามให้เขามากจนเกินไป นอกจากจะสร้างความไม่สบายใจต่อทั้งคู่แล้ว อาจกระทบต่อความสัมพันธ์ของทั้งสองคนได้ง่าย ๆ อีกด้วยภาพจาก pixabay.com4. หยิบยกความคิดลบ ๆ มาใช้ให้เป็นประโยชน์หลายคนที่มีนิสัยคิดลบหรือมองโลกในแง่ร้าย มักมีความคิดที่ละเอียดอ่อนมาก ๆ บางครั้งก็มากกว่าคนทั่ว ๆ ไป มากในที่นี้คือมองหลายมุมหรือมองเห็นปัญหาที่เรามักมองข้าม ดังนั้นการนำเอามุมมองส่วนนี้มาใช้ให้เกิดประโยชน์ ย่อมดีกว่าการเหมารวมว่าทั้งหมดของความคิดของคน ๆ นั้น เป็นความคิดที่เสียเปล่า แม้โดยรวมความคิดแง่ลบจะทับถมความคิดที่เป็นประโยชน์เอาไว้จนเกือบจะหมดสิ้นก็ตามภาพจาก pixbay.com5. ให้ความช่วยเหลือเท่าที่จำเป็นแม้ว่าจะเกิดความเห็นใจมากแค่ไหนก็ตาม การให้ความช่วยเหลือก็ควรมีขอบเขต เพราะถ้าหากว่าเราช่วยเหลืออีกฝ่ายทุกครั้งหรือบ่อยจนเกินไป นั่นมีส่วนเป็นอย่างมากที่ทำให้เขาเข้าใจว่าเรายอมรับในมุมมองความคิดลบ ๆ ของเขาไปด้วย แม้อาจดูไม่ตั้งใจก็ตาม นอกจากจะดูยอมรับแล้วจะยังเป็นการส่งเสริมให้บุคคลนั้นแสดงความคิดในแง่ลบออกมาอยู่บ่อย ๆ ได้อีกเช่นกันภาพจาก pixabay.com6. ผ่อนคลายให้เกิดความสบายใจหากเราต้องเผชิญกับความคิดลบ ๆ มาตลอดทั้งวัน มันก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าจะส่งผลต่อความเครียดและสุขภาพจิตของเรามากแค่ไหน การได้ผ่อนคลายด้วยกิจกรรมที่เพิ่มพลังบวกให้กับเรา จึงมีความจำเป็นอยู่ไม่น้อย ซึ่งอาจเป็นกิจกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ ก่อนเข้านอน เช่น การชมภาพยนตร์สั้นเพื่อเพิ่มแรงบันดาลใจ การได้รับประทานอาหารที่ชอบสักมื้อกับครอบครัว หรือจะเป็นการเล่นกับสัตว์เลี้ยงก็ลดความเครียดที่เจอมาตลอดทั้งวันได้มากทีเดียวล่ะค่ะไม่ว่าจะต้องเจอกับคนรูปแบบใด สิ่งที่สำคัญมากที่สุดอย่างหนึ่งที่เราทุกคนจะต้องมีคือความเข้มแข็งภายในจิตใจ เมื่อต้องเจอกับพลังบวกเราก็สามารถนำพลังเหล่านั้น ไปเพิ่มเป็นเกราะปกป้องให้จิตใจเราแข็งแกร่งขึ้นได้ ขณะเดียวกันหากต้องเจอกับผู้คนและพลังงานทางลบ เราก็นำเกาะเหล่านั้นมาป้องกันให้ตัวเราไม่ถูกพลังเหล่านั้นทำร้ายได้เช่นกันภาพปกจาก pixabay.com