หุ้นดาวโจนส์วันนี้ 7 พฤศจิกายน 2568 ลดลง 398.70 จุด หุ้น AI ถูกเทขายหนัก

วันนี้(7 พ.ย. 68) ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันพฤหัสบดี (6 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนกลับมาเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นในธุรกิจปัญญาประดิษฐ์ (AI) ท่ามกลางความวิตกกังวลว่าหุ้นดังกล่าวมีมูลค่าที่สูงเกินจริงและอาจเผชิญกับภาวะฟองสบู่ นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจสหรัฐฯ
ผลการปิดตลาด
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรม ดาวโจนส์ ปิดที่ 46,912.30 จุด ลดลง 398.70 จุด หรือ -0.84%
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,720.32 จุด ลดลง 75.97 จุด หรือ -1.12%
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 23,053.99 จุด ลดลง 445.80 จุด หรือ -1.90%
หุ้น AI และเทคโนโลยีนำร่วง
หุ้น 9 ใน 11 กลุ่มในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ โดยหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยและหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงหนักที่สุดที่ 2.5% และ 2% ตามลำดับ ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเฮลธ์แคร์สามารถดีดตัวขึ้นได้ 0.87% และ 0.2% ตามลำดับ
หุ้นที่เกี่ยวข้องกับ AI ปรับตัวลงอย่างหนัก เนื่องจากนักลงทุนเริ่มวิตกกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับมูลค่าหุ้นที่แพงเกินจริง โดยเฉพาะหุ้น Advanced Micro Devices (AMD) ดิ่งลง 7.27%, หุ้น Palantir Technologies ร่วงลง 6.8%, หุ้น Qualcomm ร่วงลง 3.6%% และหุ้น Oracle ปรับตัวลง 2.6%
หุ้นบริษัทเทคโนโลยีในกลุ่ม Magnificent Seven ดิ่งลงเช่นกัน โดยหุ้น Nvidia ร่วงลง 3.6%, หุ้น Meta Platforms ร่วงลง 2.6% และหุ้น Microsoft ลดลง 2% ส่งผลให้ดัชนี CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกกังวลของนักลงทุน พุ่งขึ้น 8.27%
ความกังวลตลาดแรงงานและการตัดสินใจของเฟด
ตลาดเผชิญแรงกดดันจากปัญหา การชัตดาวน์หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่เข้าสู่วันที่ 37 ส่งผลให้เกิดการขาดแคลนข้อมูลเศรษฐกิจ และทำให้นักลงทุนต้องหันไปพึ่งพาข้อมูลทางเลือกจากภาคเอกชน
บริษัทที่ปรึกษาด้านการจ้างงาน Challenger, Gray & Christmas เปิดเผยว่า ตัวเลขการประกาศเลิกจ้างพนักงานของภาคเอกชนในเดือนตุลาคม มีจำนวนรวม 153,074 ตำแหน่ง ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 183% และเป็นระดับสูงสุดสำหรับเดือนตุลาคมนับตั้งแต่ปี 2546 โดยส่วนใหญ่มาจากบริษัทที่ทำการปรับโครงสร้างพนักงานให้เหมาะสมกับยุคของ AI ที่กำลังมีการขยายตัว
รายงานระบุว่า อุตสาหกรรมเทคโนโลยี เป็นภาคส่วนที่มีการปลดพนักงานมากที่สุด โดยประกาศปลดพนักงานถึง 33,281 ตำแหน่งในเดือนตุลาคม ซึ่งมากกว่าเดือนกันยายนเกือบ 6 เท่า นักวิเคราะห์จาก Simplify Asset Management ชี้ว่า ตัวเลขนี้ทำให้เกิดความกังวลว่าตลาดแรงงานกำลังอ่อนแอลงอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ การชัตดาวน์ของรัฐบาลยังทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบากในการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ย โดยล่าสุด ออสตัน กูลส์บี ประธานเฟดสาขาชิคาโก กล่าวว่า เขามีความลังเลที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงต่อไป เนื่องจากการปิดหน่วยงานรัฐบาลทำให้ไม่มีการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อที่สำคัญ
ผลประกอบการสูงกว่าการคาดการณ์
ในด้านผลประกอบการ บริษัท 424 แห่งในดัชนี S&P500 รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/2568 แล้ว โดย 83% มีผลประกอบการสูงกว่าการคาดการณ์ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าการเติบโตของรายได้บริษัทในดัชนี S&P500 จะอยู่ที่ 16.8% ในไตรมาส 3 ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 8% ที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้
ในส่วนของหุ้นรายตัว:
- หุ้น DoorDash ร่วงลง 17.5% หลังจากบริษัทฟู้ดเดลิเวอรี่ยักษ์ใหญ่เปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาดในไตรมาส 3 เนื่องจากค่าใช้จ่ายที่ปรับตัวสูงขึ้น
- หุ้น Snap ดีดตัวขึ้น 9.7% หลังเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาดในไตรมาส 3 และประกาศเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับบริษัท Perplexity AI
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
