ชาวบ้านโวยโทลเวย์บางใหญ่ - กาญจนบุรี ลักไก่ตัดลงชุมชนอ้างงบไม่พอ
ชาวบ้านโวยโทลเวย์บางใหญ่- กาญจนบุรี ลักไก่ลดงบทำทางลงตัดถนนหลักในชุมชนโดยไม่ผ่านประชาคมทั้งทีรับปากก่อนก่อสร้างวิ่งลอยฟ้าตลอดสาย ส.ส.นนท์ เพื่อไทยนำรวมทีมชาวบ้านร้องกรรมาธิการคมนาคมแล้ว ข้องใจเทศบาลเจ้าของพื้นที่ปล่อยให้สร้างผิดแบบ
วันที่ 22 ม.ค.65 กลุ่มชาวบ้าน กำนันผู้ใหญ่บ้าน และสมาชิกสภาเทศบาลเมืองบางแม่บาง พร้อมด้วยนายมานะศักดิ์ จันทร์ประสงค์ ส.ส.นนทบุรี เขต 3 พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยแกนนำกลุ่มชาวบ้านอีกประมาณ 50 คน ร่วมประชุมหารือเพื่อคัดค้านโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายบางใหญ่ - กาญจนบุรี ( โทลเวย์ ) หลังชาวบ้านและผู้นำในชุมชนพบว่า โครงการดังกล่าวซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างขณะนี้มีความไม่ชอบมาพากล
หลังพบว่ามีการสร้างตอม่อระดับต่ำและด่านเก็บเงินขนาด 16 ช่องทางลงในพื้นที่ใจกลางชุมชนตัดผ่านถนนบางโคและถนนหลักในชุมชน 6 เส้นทาง ทำให้ผู้นำชุมชนและชาวบ้านเกรงว่าหากโครงการดังกล่าวลงมือก่อสร้างแล้วเสร็จจะส่งผลกระทบกับวิถีชีวิตชาวบ้านในชุมชนแห่งนี้และพื้นที่ใกล้เคียงที่ใช้ถนนเชื่อมติดต่อกันได้รับความเดือดร้อนในทันที ซึ่งก่อนหน้าที่โครงสร้างแห่งนี้จะกลับมาดำเนินการก่อสร้างต่อนั้น แบบแปลนของโครงการสร้างก่อสร้างทางหลวงแห่งนี้จะต้องก่อสร้างลอยฟ้ายาวตลอดแนวผ่านชุมชนบ้านใหม่และชุมชนบางแม่นางไปลงที่นครชัยศรีจังหวัดนครปฐม
ชาวบ้านจึงไม่ได้คัดค้านโครงการก่อสร้างดังกล่าว แต่ปรากฏว่าหลังโครงการนี้กลับมาดำเนินการก่อสร้างต่อ ชาวบ้านและผู้นำชุมชนเพิ่งมาทราบจากการลงเสาเข็มฐานตอม่อว่าโครงการนี้ได้ลักไก่ปรับเปลี่ยนแบบมาลงในจุดใจกลางชุมชนตำบลบางแม่นาง ซึ่งจะทำให้ถนนในชุมชนที่ชาวบ้านใช้สัญจรเป็นประจำ 6 เส้นทางถูกโครงการนี้ตัดผ่านทั้งหมด
โดยการแก้ไขแบบแปลงครั้งล่าสุดที่ทางโครงการนำมาลงตัดผ่านใจกลางชุมชนชาวบ้านและผู้นำชุมชนไม่มีใครทราบเรื่องมาก่อน จนกระทั่งมาเสาตอม่อที่มีขนาดต่ำลงกว่าจุดอื่นจึงทราบความจริง อีกทั้งการปรับเปลี่ยนแบบก็ไม่ได้มีการทำประชาพิจารณ์ในพื้นที่หรือประชาสัมพันธ์สอบถามความคิดเห็นกับชุมชนที่ได้รับผลกระทบแบบเต็มๆ
โดยนายมานะ จันทร์ประสงค์ ส.ส.นนทบุรี เขต 3 กล่าวว่า ถนนมอเตอร์เวย์สายนี้ถูกปรับเปลี่ยนแบบโดยไม่ได้ผ่านการประชาพิจารณ์จากชาวบ้านในพื้นที่เลย โดยชาวย้านและผู้นำชุมชนก็ไม่เคยรับรู้มาก่อนว่าจะมีการก่อสร้างทางลง ช่องเก็บเงิน 16 ช่อง และจุดพักรถ ลงในพื้นที่ใจกลางชุมชนซึ่งจะทำให้ถนนในชุมชนทั้งหมดถูกตัดขาดออกจากกัน ซึ่งเมื่อได้สอบถามไปยังผู้ดูแลรับผิดชอบโครงสร้างก็ได้รับคำชี้แจงมาว่า งบประมาณที่ใช้ก่อสร้างตามแบบเดิมให้เป็นถนนลอยฟ้าจากถนนรัตนาธิเบศร์ยาวไปจนถึงถนนนครไชยศรี จ.นครปฐม มีไม่เพียงพอจึงต้องมาทำทางตัดผ่านลงในพื้นที่ตำบลบางแม่นาง
ซึ่งหากมอเตอร์เวย์สายนี้เริ่มก่อสร้างก็จะลงผลให้ชาวบ้านในชุมชนแห่งนี้และพื้นที่ใกล้เคียงได้รับความเดือดร้อนในเรื่องการเดินทางสัญจรทันที เพราะโครงการนี้สร้างตัดผ่านถนนชุมชนถึง 6 เส้นทาง แต่มีโครงการกลับไปสร้างจุดกลับรถให้เพียง 2 แห่ง ที่ต้องไปกลับรถไกลกว่า 5 กิโลเมตร ส่งผลให้ชาวบ้าน ชาวบ้าน คนในหมู่บ้านที่ต้องใช้รถใช้ถนนไปกระจุกรวมตัวอยู่ที่ถนนเล็กๆเลนสวนเพียงเส้นเดียว
นายมานะ จันทร์ประสงค์ ส.ส.นนทบุรี กล่าวอีกว่า ในฐานะ ส.ส.นนทบุรี เจ้าของพื้นที่หลังได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านและผู้รำชุมชนแล้ว ตนได้ลงพื้นที่ตรวจสอบโครงการก่อสร้างแห่งนี้ก็พบว่า โครงการนี้ส่งผลกระทบสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านและชาวสวน เกษตรกรโดยตรง จึงได้พาตัวแทนชาวบ้านและผู้นำชุมชนไปเข้าพบคณะกรรมธิการคมนาคม เพื่อยื่นเรื่องคัดค้านโครงการดังกล่าวแล้ว แต่เรื่องก็เงียบหายไปยังไม่ได้หนังสือตอบรับกลับมาในการเรียกให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้ประชุมหารือหาทางออกร่วมกัน
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่หน่วยงานที่รับผิดชอบต้องลวมาดูแลแก้ไขปัญหา เพราะตนมองว่ายังสามารถแก้ไขได้ด้วยการเพิ่มงบประมาณมาสร้างถนนคู่ขนานเชื่อมต่อให้กับชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบได้ อยู่ที่ว่าทางโครงการจะยอมลงทุนเพิ่มเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กัยชาวบ้านในชุมชนแห่งนี้หรือไม่
ทางด้านนายคมสันต์ ทรัพย์คต รองประธานสภาเทศบาลเมืองบางแม่นาง กล่าวว่า จากเดิมชาวบ้านและคนในชุมชนแห่งนี้เข้าใจว่าการก่อสร้างทางมอเตอร์เวย์จะสร้างตามแบบแรกคือสร้างแบบลอยฟ้ายาวตลอดสาย ไม่มีทางลงหรือจุดพักรถใดๆ มีเพียงเสาตอม่อที่ผ่านมาในพื้นที่เท่านั้น แต่เมื่อพอโครงการกลับมาก่อสร้างต่อหลังจากถูกระงับไป
ชาวบ้านในชุมชนเพิ่งมารู้ว่า โครงการได้ลักไก่ชาวบ้านด้วยการสร้างทางลง จุดพักรถ ช่องเก็บเงินผ่านทางในพื้นที่ใจกลางชุมชนซึ่งเป็นชุมชนที่หนาแน่น โดยมาอ้างว่างบประมาณก่อสร้างแบบลอยฟ้าไม่พอ จึงต้องสร้างแบบประหยัดงบด้วยการสร้างทางลงเชื่อมมาในพื้นที่ โดยที่ไม่ได้ผ่านการประชาพิจารณ์จากชาวบ้านในการแก้ไขแบบ สร้างความเดือดร้อนและไม่พอใจให้กับคนในชุมชนเป็นอย่างมาก
ทางด้านนายสมคิด คล้ายสำเนียง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 ต.บางแม่นาง กล่าวว่า ชาวบ้านและผู้นำชุมชนในพื้นที่ไม่มีใครรู้มาก่อนเลยว่า จะมีการก่อสร้างทางลงในพื้นที่ชุมชนแห่งนี้ ทุกคนเข้าใจว่าคงสร้างตามแบบเดิมแบบแรกที่เป็นถนนลอยฟ้าทั้งหมด จนกระทั่งมารู้ที่หลังเพราะไปเห็นเสาตอม่อที่ต่ำลงขนาดรถยังลอดผ่านไม่ได้ จึงเพิ่งรู้ว่าถูกโคงการลักไก่ก่อสร้างเอาถนนมาลงผ่านใจกลางพื้นที่ในชุมชน ส่งผลกระทบกับชีวิตชาวบ้านในชุมชนแห่งนี้เป็นอย่างมาก
โดยที่ตนก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า การแก้ไขปรับเปลี่ยนแบบมาทำทางลงผ่านใจกลางชุมชนผ่านการประชาพิจารณ์จากชาวบ้านในชุมชนไปตอนไหน เพราะถ้าหากมีการทำประชาพิจารณ์จริง ๆ ตนเชื่อว่าโครงการนี้จะไม่ผ่านการประชาพิจารณ์อย่างแน่นอน เพราะส่งผลกระทบเป็นวงกว้างกับคนในพื้นที่และพื้นที่ข้างเคียงและทางเทศบาลเจ้าของพื้นที่ก็ทราบเรื่องนี้หรือไม่ ถ้าทราบทำไมถึงปล่อยให้โครงการแห่งนี้ก่อสร้างเดินหน้าต่อไปบนความทุกข์ร้อนของชาวบ้านเป็นเรื่องที่ชาวบ้านสงสัยอยู่เหมือนกัน