แน่นอนว่าใครที่กำลังเตรียมเอกสารสำหรับเรียนต่อ ทั้งมหาลัยในไทย หรือ ต่างประเทศ การทดสอบวัดระดับภาษาอังกฤษนั้นสำคัญมาก ๆ เชียวค่ะ ในที่นี้ IELTS หรือที่คุ้นหูกันว่า ไอเอลคงจะเป็นชื่อที่หลาย ๆ คนได้ยินกันบ่อย ๆ วันนี้...เผอิญจริง ๆ ที่นักเขียนพึ่งไปสอบมาสด ๆ ร้อน ๆ ในวันคริสมาสต์ที่ผ่านมา เลยอยากจะมาแชร์ประสบการณ์สอบไอเอลของศูนย์สอบ British Council แบบ Computer-Delivered เผื่อจะเป็นประโยชน์ให้กับเพื่อน ๆ ที่สนใจ หรือกำลังลังเลกับการสอบแบบ Paper-delivered ดี Computer-delivered ดี สามารถนำไปประกอบการตัดสินใจได้เลย ในตอนท้ายขอแชร์ทริค รวมไปถึงเว็บไซต์ที่นักเขียนใช้ในการฝึกอ่าน ฝึกฟังจากตัวอย่างข้อสอบให้สำหรับคนที่อ่านเองที่บ้าน ยิ่งในยุคโควิด-19 ไม่สะดวกออกไปไหน การฝึกพัฒนาตัวเองย่อมต้องเกิดจากตัวเราจริง ๆ ค่ะ สำหรับการสอบ IELTS นั้นได้รับความนิยกมากอันดับต้น ๆ ไม่แพ้ TOEFL จากฝั่งอเมริกาเลยค่ะ นักเขียนกำลังจะยื่นทุนต่อโทในประเทศฝั่งตะวันตกพอดี และในระเบียบการนั้นก็มีหนึ่งข้อที่เขียนว่า จะต้องมีผลสอบภาษาอังกฤษ ซึ่ง IELTS ดูเหมือนจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด แถมยังเป็นนาทีสุดท้าย พูดง่าย ๆ แทบจะไม่ได้เตรียมตัวใด ๆ เลยค่ะ อ่าน 1-2 วันก่อนเข้าสอบจริง ๆ สาเหตุที่ตัดสินใจสมัครสอบแบบ Computer-delivered เพราะระยะเวลาที่ได้ผลสอบอยู่ที่ 3-5 วันเองค่ะ แถมราคาเข้าสอบในช่วงนี้ลดราคาจาก 7,500 บาท เหลือเท่ากับการสอบแบบ Paper เลย นั่นคือ 6,900 บาท ทำให้เลือกสอบแบบคอมพิวเตอร์ดีกว่า ใครที่อยู่ในช่วงรีบ ๆ อยากได้ผลสอบเร็ว ๆ และถนัดการพิมพ์มากกว่าเขียนก็แนะนำการสอบแบบ Computer-delivered ได้ผลเร็ว ราคาถูกลง แถมยังมีตัวเลือกวันเยอะมาก เกือบทุกวันเลยค่ะ เมื่อตัดสินใจได้แล้ว เข้าไปที่เว็บไซต์ https://www.britishcouncil.or.th/exam/ielts จะเห็นว่ามีรายละเอียดให้อ่านเยอะมากตั้งแต่การสอบคืออะไร วันสอบ สถานที่สอบ ค่าใช้จ่าย ข้อกำหนดต่าง ๆ ซึ่งการสอบ Ielts แบ่งออกเป็น IELTS Academic และ IELTS General Training นักเขียนใช้สำหรับเรียนต่อก็เลือก Academic ค่ะ ให้เลือกเมนู การสมัครสอบ จะมีตัวเลือก IELTS เชิงวิชาการและเชิงฝึกอบรมทั่วไป - แบบคอมพิวเตอร์ ให้เรากดเลือก Book Now เลยค่ะ ทีนี้ก็ให้กรอกข้อมูลปกติเข้าไป มีตัวเลือกเดือนที่มีการจัดสอบ และจังหวัดให้เลือกทั้ง กรุงเทพ ขอนแก่น เชียงใหม่ ภูเก็ต หากเลือกสอบกรุงเทพก็กดกรุงเทพ จะมีตารางปฏิทินให้เลือกวันสอบ ศูนย์สอบแบบคอมพิวเตอร์กับ British Council จะอยู่ที่ SPACE Chamchuri Square ตรงแถวจุฬาหรือตรงข้ามกับสามย่านมิตรทาวค่ะ เวลาที่มีให้เลือกส่วนใหญ่มีสองเวลา 9.00 กับ 14.00 แล้วแต่วันเลยค่ะ เมื่อเราเลือกเวลาแล้ว เราก็ต้องมาเลือกเวลาสำหรับ Speaking Test ที่จะสอบต่อหลังสอบ Listening / Writing / Reading เสร็จ บางทีอาจจะสอบคนละวัน แนะนำให้เลือกสอบให้เสร็จภายในวันเดียวค่ะ เช่น สอบวันที่ 12 มกราคม เริ่ม 9.00 เสร็จเที่ยง แล้วต่อด้วย Speaking เริ่มราว ๆ 13.00 ในตอนบ่ายค่ะ สะดวกเวลาไหนก็เลือกได้เลยในช่วงบ่ายค่ะ เลือกเวลาเสร็จก็เช็คข้อมูลให้ถูกต้องค่ะ ก่อนจะไปหน้าจ่ายเงิน สามารถจ่ายด้วยบัตรเดบิตเครดิตได้เลย สะดวกมาก ๆ พอจองเสร็จก็จะได้รับอีเมล์คอนเฟิร์ม ซึ่ง 3 วันก่อนสอบจะมีอีเมล์เข้ามายืนยันว่าที่นั่งสำหรับการจองของเราได้รับการยืนยัน เตรียมตัวไปสอบได้เลยจ้า! สำหรับการเดินทางไปยัง SPACES Chamchuri นั้นสามารถเดินทางไปได้ทั้งรถเมล์ ป้ายจามจุฬีสแควร์หรือสามย่านมิตรทาวน์ แล้วแต่ว่าบ้านใครอยู่ตรงไหน หากจะให้สะดวกกว่านั้นก็นั่ง MRT มาลงตรงสถานีสามย่านค่ะ สะดวกมาก ๆ แต่ให้เผื่อเวลาให้ดี เพราะเราจะต้องมาถึงสนามสอบเวลา 8.15 น. สำหรับการลงทะเบียนและเรียกเข้าไป เก็บของในล็อกเกอร์นักเขียนสอบในวันที่ 25 ธันวาคม 2563 สอบ Speaking เวลา 14.50 น. ค่ะ ตื่นเต้นและตื่นเช้ามาก แอบง่วงจนต้องพึ่งกาแฟให้ตื่น กลัวจะมาสายเลยเลือกจะนั่ง Grab มายัง Chamchuri Square แอบกระซิบว่ารถติดเชียวขนาดมาจากสถานีชิดลมเอง มาถึงก็จะเห็นคนอื่น ๆ นั่งรอเรียกชื่อกันแล้วค่ะ สิ่งที่เราต้องเตรียมมาเลยคือ : Copy of ID/Passport ( ขึ้นอยู่กับตอนเราสมัครจะใช้เอกสารอะไรยืนยันตัว) , ID/ พาสปอร์ตตัวจริง , ขวดน้ำทางสถานที่สอบจะเรียกให้เข้าแถวเอาของทุกอย่างไปเก็บไว้ในล็อกเกอร์ นาฬิกาก็ใส่ไม่ได้นะคะ ห้ามมีอะไรในกระเป๋ากางเกงด้วย ไปตัวปลิวแค่ไอดีหรือพาสปอร์ต และขวดน้ำเท่านั้น เก็บของเสร็จทีละคนก็จะต้องมาถ่ายรูปและแสกนนิ้วมือค่ะ จากนั้นพนักงานจะพาไปยังห้องสอบค่ะ นั่งรอจนกว่าจะมาครบแล้วเริ่มสอบพร้อมกัน สามารถเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อยเพราะเริ่มทำข้อสอบแล้วนั้น สามารถไปเข้าห้องน้ำได้แต่ไปทีละคนและจะไม่มีการทดเวลาค่ะ ดังนั้นจึงต้องบริหารเวลาดี ๆ ในห้องสอบก็จะเป็นคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ หูฟัง Sony คีย์บอร์ด เมาส์ ล็อกที่นั่งค่อนข้างใหญ่ ไม่ได้รู้สึกอึดอัดใด ๆ เลยค่ะ พอทุกคนมาพร้อมกันแล้วคนคุมสอบจะอ่านกฏการสอบพร้อมกับแจกกระดาษล็อกอินคอม มี USER / Password ให้เรากรอกเข้าไป ซึ่งจะทำทีละพาร์ท เริ่มจาก Listening > Reading > Writing พาร์ทละ 60 นาที โดยมีการแจกกระดาษล็อกอินใหม่ทุกพาร์ทค่ะ Listening : บทสนทนาชีวิตประจำวัน บริษัทประกัน ซึ่งจะมีให้กรอกพวกข้อมูลที่อยู่ วันที่ ราคาต่าง ๆ , บทความเรื่องของผึ้ง , บทความบอกทิศทาง ให้ตั้งใจฟังให้ดี ๆ และใช้เวลากวาดดูความน่าจะเป็นไปของคำตอบ และถ้าฟังไม่ทันให้ข้ามไปก่อน อยู่หยุดอยู่ที่ข้อนั้นจนพลาดข้ออื่น ๆ ตามมาค่ะ * ฟังรอบเดียวเท่านั้นค่ะ Reading : 3 บทความสำหรับ 60 นาที เฉลี่ยบทความละ 20 นาที มีบทความเกี่ยวกับไดโนเสาร์ / งานวิจัยเกี่ยวกับความสุขและการเมือง / บทความเกี่ยวกับสาหร่าย โดยจะมีให้ตอบแบบ TRUE / FALSE / NOT GIVEN สำหรับข้อที่ถามหาคำตอบ ให้ใช้การอ่านคำถามแล้วแสกนหาคำตอบค่ะ อย่ามัวแต่อ่านเรื่องทั้งหมดเพราะจะไม่ทัน หา keyword และใจความสำคัญของ paragraph นั้น ๆ รับรองว่าได้คะแนนดีแน่นอนWriting : จะมีสองส่วน ส่วนแรกนั้นให้เขียนอธิบายกราฟข้อมูล Birthrate ของ 5 ประเทศ ในปี 1945 กับ ปี 2000 ให้เราเปรียบเทียบได้ โดยไม่ใส่ความรู้สึกลงไปค่ะ เขียนเป็น Fact ค่ะ ระวังเรื่องแกรมม่าและการบริหารเวลาดี ๆ ความยาวคือ 150 คำ* เขียนให้เกินไว้ค่ะ ส่วนที่ 2 เป็น Topic เราเห็นด้วย ไม่เห็นด้วยเรื่องนั้น ๆ หรือไม่ ให้ Discuss ความยาว 300 words ค่ะ แนะนำว่าให้แบ่งเวลาทำให้ดี ๆ ไม่อย่างนั้นเขียนไม่ทันแน่ ๆ ค่ะ เผื่อเวลาสำหรับตรวจความถูกต้องด้วยค่ะ ภาคบ่ายต่อ เริ่ม 13.00 ซึ่งเราไปทานข้าวก่อนแล้วกลับมาสอบตามเวลาที่ระบุไว้ค่ะ แนะนำว่าให้มารอก่อน 30 นาทีก่อนเข้าสอบค่ะ Speaking : เริ่มด้วยคำถามทั่วไป ชื่ออะไร เป็นนักเรียนหรือทำงาน งานที่ชอบ ยากมั้ย สิ่งที่คิดว่ายากในการทำงาน ก่อนได้จะได้รับหัวข้อในการพูด ให้เวลา 2 นาที แล้วเขาจะให้เวลาเตรียมตัว 1 นาที มีให้กระดาษและดินสอเขียนโน้ตสำหรับพูดได้ ก่อนจะเริ่มพาร์ทสามเป็นการโต้ตอบ ความคิดเห็น discuss เกี่ยวกับข้อที่สอง สำหรับใครที่อาจจะไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษบ่อย ๆ อาจจะเกิดความประหม่า แนะนำให้ฝึก เตรียมตัวไปก่อน พูดช้า ๆ ชัด ๆ อย่าร้อนรืนและใช้คำศัพย์ยากเกินความจำเป็น ตอบให้ตรงคำถาม พยายามพูดให้ยาว ๆ ไม่ใช่พูดคำตอบคำ ตั้งสติให้ดี ๆ ค่ะ ถือเป็นพาร์ทที่ต้องเตรียมตัวไปจริง ๆ เพราะว่าใครที่พูดไม่เก่งอาจจะเกิดการกดดัน ไม่รู้จะพูดอะไรเลยค่ะ ดังนั้น พาร์ทสปีคกิ้งจึงเป็นด่านหินมาก ๆ ของนักเรียนไทยเชียวสอบเสร็จแล้วก็โล่งเลยค่ะ ทีนี้ก็มารอผลสอบ วันที่ 30 ธันวาคม นักเขียนก็ได้รับอีเมล์มาว่าผลสอบได้อัพขึ้นระบบแล้ว! ตื่นเต้นจนบอกไม่ถูกเลยจริง ๆ เพราะว่าเตรียมตัวสอบน้อยมากกกก แทบจะไม่ได้จำศัพท์หรือ ท่องอะไรเพิ่มไปเลยค่ะ พอเห็นคะแนนสอบ ผ่านแล้วค่ะ! เอาไปยื่นสมัครสอบป.โทได้ แต่ถามว่าพอใจมั้ย ก็ไม่เลยค่ะ คิดว่าถ้ามีเวลาสอบมากกว่านี้คงจะได้คะแนนดี ยิ่งพาร์ทพูด เราทำไม่ดีเลย ใครที่ไม่เก่งด้านการพูด แนะนำว่าควรเตรียมตัวไปเยอะหน่อยค่ะ สามารถ เข้าไปเช็คผลสอบได้บนเว็บ British Council เค้าจะแจ้งคะแนนทุกพาร์ทและอีกวันก็จะได้รับอีเมล์ว่าผลสอบ Paper ได้ถูกส่งไปยังที่อยู่ที่เราแจ้งไว้ผ่าน Kerry ค่ะ สำหรับใครที่อยากเตรียมตัว ขอแนะนำว่าเว็บไซต์ฟรีอย่าง https://www.ielts-exam.net/ มีให้ฝึกทำทุกพาร์ทเลย แถมยังแจกหนังสือ ชีทฟรีอีก สามารถเข้าไปฝึกทำกันได้ หรือใครที่อยากฝึกการฟังแนะนำเว็บ BBC หรือ TED.com ช่วยในเรื่องการฟังและการอ่านได้อย่างดี แถมฟรีไม่ต้องเสียเงินเลย หรือเว็บไซต์ของ British Council ก็มีส่วนที่ให้ฝึกเตรียมตัวด้วยตัวเองค่ะ -> https://www.britishcouncil.or.th/exam/ielts/prepare ใครจะไปสอบขอให้ฝึกฝัน วางแผนกันล่วงหน้า สำหรับนักเขียนนั้นมีเวลาเตรียมตัวน้อยมาก One night miracle ที่สอบผ่านมาได้ ยังไงก็แล้วแต่ การเตรียมตัวไปล่วงหน้าย่อมดีกว่าการไปด้นสดกันหน้างาน ขอให้โชคดีในการสอบ Happy New Year 2021 ค่ะทุกคน!!เครดิตรูปภาพ : รูปภาพทั้งหมดโดยนักเขียนบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจของนักเขียน : - 5 เทคนิค "สอบ ก.พ." ให้ผ่านในครั้งเดียว ฉบับรวบรัด- แชร์เทคนิคสอบ TOEIC ให้ได้คะแนนปัง ๆ- แชร์ประสบการณ์ นักเรียนทุนประเทศ “โรมาเนีย” มีดีมากกว่าปราสาทแดรกคูล่า- ไปแลกเปลี่ยนกับทุน CEEPUS ที่บูดาเปสต์ ฮังการี 🇭🇺🇪🇺 One Semester in Budapest , HU- มารู้จักประเทศ ซูดาน (Sudan) ในหลายมุมที่คุณยังไม่รู้ 🌍 ติดตามข่าวสาร คอนเทนต์เด็ด ๆ ก่อนใครโหลดเลยที่ TrueID !!