รีเซต

เปิดมุมมอง 3 โบรกส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้

เปิดมุมมอง 3 โบรกส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้
ทันหุ้น
8 มิถุนายน 2564 ( 08:47 )
144
เปิดมุมมอง 3 โบรกส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้

 

ทันหุ้น - บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) (MBKET) ระบุ SET Index  ปิดที่ระดับ 1612.59 จุด (+1.06 จุด) ดัชนีแกว่งตัวในกรอบ Bull flag (ภาพรายชั่วโมง) ช่วงบริเวณ 1610-1625 จุด รอดูการ Breakout เพื่อกำหนดทิศทางในภาพระยะสั้น แนวโน้มโดยรวมยังประเมินเป็นเชิงบวก

 

กลยุทธ์การลงทุน

มีหุ้น  ถือรันเทรน จนกว่าดัชนีจะลงมาหลุด 1595 จุด

ไม่มีหุ้น  รอตั้งซื้อตามระดับแนวรับ 1610/1600 จุด

 

แนวรับ 1610/1600  แนวต้าน 1625/1650

 

**บล.เคทีบีเอสที ประเมินดัชนีฯ แกว่งกรอบแคบ นักลงทุนรอดูตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ท่ามกลางความกังวล Covid-19 ในประเทศที่ลดลง กลยุทธ์ ตลาดแบบนี้ เหมาะกับการ “ถือ” หรือเลือกขายหุ้นที่ขึ้นมามาก หุ้นกลุ่มที่เคยถูกกระทบจาก Covid-19 มาก่อน ยังดูน่าสนใจ

 

ตลาดหุ้นทั่วโลก ให้ความสนใจและรอคอยตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯที่จะรายงานในวันพฤหัสนี้ จากการที่นักลงทุนยังไม่แน่ใจว่า การประชุม FOMC สัปดาห์หน้า Fed จะพูดถึงช่วงเวลาที่จะลด QE หรือขึ้นดอกเบี้ยหรือไม่ จากเดิม ที่จะลด QE ปี 2022 โดยตัวเลขเงินเฟ้อและตัวเลขการจ้างงานเป็นตัวเลขที่ Fed ให้น้ำหนักมากที่สุดตัวหนึ่ง และเป็นเหตุให้เราแนะนำให้นักลงทุนรอดูตัวเลขเงินเฟ้อนี้ด้วยเช่นกัน (ชะลอการซื้อไปจนกว่าจะเห็นตัวเลขนี้)

 

Flow ของนักลงทุนต่างชาติใน 6  ตลาดเอเชีย เป็น net sell สอดคล้องกับที่เรากล่าวไป นอกจากนี้ การนำเสนอของสหรัฐฯ ต่อที่ประชุม G-7 ช่วงวันหยุดที่ผ่านมา ในเรื่องภาษีเงินได้ขั้นต่ำ มีผลต่อราคาหุ้นที่มีฐานรายได้อยู่ในต่างประเทศด้วย 

 

ภาวะเศรษฐกิจโลก ที่ดูผ่านตัวเลขส่งออกของจีนวานนี้ที่โตถึง 27.9% YoY (USD) และ GDP 1q ของญี่ปุ่น (-3.9% คาด -5.9%)  บ่งชี้ถึงการฟื้นตัวหลังผ่านช่วงวิกฤต Covid-19 ของประเทศส่วนใหญ่มาแล้ว  ราคา Commodity ที่เป็น raw material (เหล็ก น้ำมัน ถ่านหิน ค่าระวางเรือ) จึงยังทรงตัวในระดับสูง บวกต่อกำไรหุ้นที่ทำธุรกิจเหล่านี้ด้วย

 

ตัวแปรของไทย หลักๆ จะเป็นการเริ่มฉีดวัคซีน รอบใหม่ตั้งแต่วานนี้ ช่วยหนุนตลาดหุ้นไทยอย่างเห็นได้ชัด หุ้นที่ถูกกระทบจาก Covid-19 (ท่องเที่ยว ห้างฯ โรงแรม) ราคาหุ้นต่างปรับตัวสูงขึ้น event สำคัญๆ ของวันนี้  การประชุม ครม. (จับตามาตรการเศรษฐกิจ)  GDP q1 ของกลุ่มอียู (คาด -0.6% QoQ ; ครั้งก่อน -0.6%) และ หุ้นที่นำเสนอข้อมูล Op Day วันนี้ SAWAD, TPIPP, ALLY, GRAMMY, AMATAV, EPG 

 

#Strategy

เรายังมีความเห็นเหมือนวานนี้ ที่แนะนำให้นักลงทุนอาจเลือกใช้จังหวะนี้ในการปรับพอร์ต ลดการถือหุ้นที่ราคาขึ้นมามากและขาดปัจจัยสนับสนุนให้ไปต่อ เช่นหุ้นได้ประโยชน์จากการระบาดของ Covid-19 ในช่วงก่อนหน้านี้ (โรงพยาบาล-ประกัน-ผู้ขายสินค้าไอที)  แต่หุ้นกลุ่มที่เคยถูกกระทบจาก Covid-19 มาก่อน เป็นกลุ่มที่ดูน่าสนใจในการเข้าซื้อ  เช่น โรงแรม และห้างฯ 

พอร์ตหุ้นวันนี้เรานำหุ้น WICE* ออก และนำหุ้น SCGP เข้ามาแทน หุ้นในพอร์ตประกอบด้วย SCGP(15%), PIMO*(15%), THCOM*(15%), ROJNA*(15%), KBANK(20%), PTTEP(15%)

 

#Strategy top picks

SCGP: (เป้าเชิงกลยุทธ์ 58.00 บาท) “หุ้นดีที่ราคามักจะขึ้นเมื่อตลาดเริ่ม Sideway”

•หุ้นพื้นฐานดีที่ราคามักจะขึ้นเมื่อตลาด Sideway หรือพักฐาน ขณะที่ Outlook ครึ่งปีหลังสดใส ทยอยทำ Deal M&A ต่อเนื่อง

•เก็ง Opportunity Day ในวันศุกร์ คาดบริษัทจะให้ความเห็นเกี่ยวกับ Outlook 2Q21 เบื้องต้น Consensus คาดโตทั้ง YoY และ QoQ

•KTBST ประเมินกำไรปี 2021-2022 เฉลี่ยที่ 7.9 พัน ลบ. 9 พัน ลบ. เติบโต +23%YoY และ +14%YoY ตามลำดับ

 

Technical : AH, APURE

 

**บล.ยูโอบี มอง SET ยังเลือกเก็งกำไรรายตัวระหว่างรอตัวเลขเงินเฟ้อและการประชุมเฟด

 

ตลาดรอติดตามตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ในช่วงพฤหัสบดี เพื่อประเมินความเสี่ยงการเปลี่ยนแปลงนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในการลดการผ่อนคลายนโยบายการเงิน (Tapering) ซึ่งตลาดคาดเงินเฟ้อสหรัฐฯ พ.ค. จะอยู่ที่ 4.7% เร่งตัวจาก 4.2% และตลาดอาจตอบรับเป็นลบหากเงินเฟ้อเร่งขึ้นมากกว่าระดับดังกล่าว ทั้งนี้นักลงทุนประเมินคณะกรรมการนโยบายการเงินสหรัฐฯ (FOMC) อาจเริ่มส่งสัญญาณล่วงหน้าถึงการลดการผ่อนคลายนโยบายการเงิน 15-16 มิ.ย. ก่อนที่จะเริ่มดำเนินการจริงในช่วงไตรมาส 4/64 แม้เราคาดเฟดจะดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่ความไม่แน่นอนของระยะเวลาในการเริ่มดำเนินการ ซึ่งมีความเสี่ยงจะเร็วกว่าที่ตลาดคาดเมื่อมองจากโมเมนตัมการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ทำให้การเคลื่อนไหวของหุ้นขนาดใหญ่ในระยะสั้นอยู่ในกรอบจำกัด

 

ตัวเลขการเร่งฉีดวัคซีนยังเป็นปัจจัยบวกต่อการเก็งกำรหุ้นเปิดเมือง แม้ในระยะสั้นการฉีดวัคซีนในหลายพื้นที่อาจจะล่าช้าหรือมีการเลื่อน แต่ตัวเลขการปูพรมฉีดวัคซีนในวันที่ 4 มิ.ย.ที่ 416,847 ราย (ซึ่งดีกว่าค่าเฉลี่ยช่วงก่อนหน้าที่ 5-8 หมื่นโดส/วัน มาก)  แสดงให้เห็นถึงศักยภาพการฉีดของไทยมีโอกาสเพิ่มสูงกว่า 4.6 แสนราย/วัน ซึ่งเป็นจำนวนที่ต้องการสำหรับการฉีดให้ได้ตามเป้าที่ 100 ล้านโดส ภายในสิ้นปี 2564 การเร่งส่งมอบวัคซีน AstraZeneca ในช่วงกลาง-ปลายมิ.ย. และการอนุมัติสั่งซื้อวัคซีนไฟเซอร์และจอห์นสันแอนด์จอห์น สันอีก 20 และ 5 ล้านโดส จะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนความคืบหน้าของการได้รับวัคซีนแม้ที่สุดอาจไม่ถึงเป้า แต่เป็นปัจจัยบวกต่อแนวโน้มการดำเนินธุรกิจและแรงเก็งกำไรต่อหุ้นกลุ่มเปิดเมือง อาทิ CPN, CRC, MAJOR, ZEN, M, BA, AAV, SF, AWC เป็นต้น

 

กลยุทธ์ยังเน้นเลือกเก็งกำไรรายตัวในธีมที่น่าสนใจ ได้แก่ 1) กลุ่มพลังงาน ปิโตรฯ PTT, PTTGC, IVL, IRPC 2) อาหารและเกษตร TVO, CPI, TU, CPF 3) ได้ประโยชน์จากเราชนะ TNP และ KK เนื่องจากเป็นร้านค้าธงฟ้า 4) การขายประกันโควิด บวกต่อ THRE, TIP, TQM 5) ปันผลและกองรีทส์ ADVANC, BTSGIF, CPNREIT, AIMIRT, FTREIT, EASTW, WHAUP, TTW, TIP 6) เก็งกำไรกลุ่มดิจิตัลทีวี BEC, WORK, MONO, JKN 7) หุ้นกลุ่มเหล็ก TSTH, GJS, AMC 8) กลุ่มโลจิติกส์ที่มีสัญญาณระยะสั้นเป็นบวก SONIC, NCL 9) หุ้นกลุ่มเรือ TTA, PSL, RCL

 

ภาพรวมกลยุทธ์ การผ่าน 1,606 จุด ทำให้มีโอกาสขึ้นทดสอบ 1,630-1,680 จุด อย่างไรก็ตามระยะสั้นมีโอกาสผันผวนก่อนการประชุมเฟด 15-16 มิ.ย. เน้นเก็งกำไรเชิงตั้งรับ เลือกเก็งกำไรรายตัว ในหุ้นที่มีปัจจัยบวกและที่ยังปรับขึ้นน้อย 

 

หุ้นแนะนำวันนี้ เก็งกำไร AWC*, TTA*, SUPER*, LANNA*

 

แนวรับ: 1,606 / แนวต้าน : 1,627 จุด สัดส่วน : เงินสด 60% : พอร์ตหุ้น 40%

 

 

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง