เคยเป็นไหมครับ เวลาจะเดินทางไปต่างประเทศทีไร เรื่องเอกสารมักจะเป็นยาขมที่ทำให้เราปวดหัวได้เสมอ ยิ่งเป็นประเทศมหาอำนาจอย่างจีนด้วยแล้ว หลายคนอาจจะกังวลและกำลังมองหาข้อมูลของ สถานเอกอัครราชทูตจีน ว่าปี 2025 นี้ ขั้นตอนต่างๆ จะเปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหน จะยุ่งยากเหมือนเมื่อก่อนไหม ถึงแม้ว่าตอนนี้เราจะมีฟรีวีซ่า สำหรับนักท่องเที่ยวแล้ว แต่สำหรับคุณผู้อ่านที่ต้องไปเรียนต่อ ไปทำงาน หรือมีธุระจำเป็นต้องอยู่นานกว่า 30 วัน การติดต่อทำวีซ่ากับทาง สถานเอกอัครราชทูตจีน หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ยังเป็นเรื่องสำคัญที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยล่ะครับ บรรยากาศของการเตรียมเอกสารที่วุ่นวายอาจจะทำให้เครียด แต่ไม่ต้องห่วงครับ วันนี้ แต้มเอง จะพาคุณผู้อ่านไปรู้จักว่า วิธีติดต่อและทำวีซ่าจีนฉบับปี 2025 ต้องทำอย่างไรบ้าง ครับผม ใครบ้างที่ยังต้องขอวีซ่าจีน? ก่อนอื่น แต้มต้องขอย้ำเรื่องที่น่ายินดีก่อนครับว่า สำหรับคุณผู้อ่านที่จะไปเที่ยวจีนไม่เกิน 30 วัน ตอนนี้เราไม่ต้องขอวีซ่าแล้วนะครับ (Free Visa) ถือพาสปอร์ตไทยแล้วบินลัดฟ้าไปกินหม่าล่าหรือเดินชมกำแพงเมืองจีนได้เลย แต่ถ้าคุณผู้อ่านเข้าข่ายดังต่อไปนี้ ยังต้องยื่นขอวีซ่าอยู่นะครับ: ไปเรียนต่อ (Student Visa - X) ไม่ว่าจะคอร์สสั้นหรือยาว ไปทำงาน (Work Visa - Z) ต้องมีใบอนุญาตทำงานถูกต้อง ไปเยี่ยมญาติหรืออยู่อาศัยระยะยาว (Q/S Visa) ที่เกินกว่า 30 วัน ไปติดต่อธุรกิจ (M Visa) ในกรณีที่จำเป็นต้องพำนักนาน สถานที่ติดต่อ (สถานเอกอัครราชทูตจีน vs ศูนย์ยื่นวีซ่า) ตรงนี้แต้มขอขีดเส้นใต้หนาๆ เลยครับ เพราะหลายคนเข้าใจผิดว่าต้องไปที่สถานเอกอัครราชทูตจีนตรงรัชดาฯ เพื่อยื่นขอวีซ่า แต่จริงๆ แล้ว สำหรับบุคคลทั่วไปที่จะยื่นขอวีซ่า เราต้องไปที่ศูนย์ยื่นคำร้องขอวีซ่าจีน (Chinese Visa Application Service Center) ครับ พิกัด อาคารธนภูมิ (Thanapoom Tower) ชั้น 5 ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ การเดินทาง แต้มแนะนำให้นั่ง MRT ไปลงสถานีเพชรบุรีแล้วออกทางออกที่ 2 จากนั้นจะเดินชมวิวเมืองสักหน่อย หรือเรียกพี่วินมอเตอร์ไซค์ต่อไปที่ตึกธนภูมิก็ได้ครับ สะดวกมากๆ ส่วน สถานเอกอัครราชทูตจีน (สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำราชอาณาจักรไทย) ที่ตั้งอยู่บนถนนรัชดาภิเษกนั้น จะไว้สำหรับติดต่อราชการระดับสูง หรือกรณีพิเศษจริงๆ เท่านั้นครับ อย่าเผลอไปผิดที่เชียวนะครับ เดี๋ยวจะเสียเวลาเปล่า ขั้นตอนการจองคิวและยื่นเอกสารปี 2025 บรรยากาศที่ศูนย์ยื่นวีซ่ามักจะคึกคักไปด้วยผู้คนเสมอครับ เพื่อความรวดเร็วและไม่เสียอารมณ์ แต้มแนะนำให้ทำตามขั้นตอนดังนี้ครับ กรอกแบบฟอร์มออนไลน์ (COVA) เข้าไปที่เว็บไซต์ของศูนย์ยื่นวีซ่าจีน (Visaforchina) แล้วกรอกข้อมูลให้ครบถ้วน เป็นภาษาอังกฤษนะครับ จองคิวออนไลน์ (AVAS) สำคัญมากครับ แต้มแนะนำให้จองล่วงหน้าอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ เพราะคิวอาจจะเต็มเร็ว โดยเฉพาะช่วงใกล้วันเปิดเทอมหรือวันหยุดยาว เตรียมเอกสารให้เป๊ะ ปริ้นท์ใบสมัคร ใบจองคิว รูปถ่าย (พื้นหลังขาว ห้ามใส่เสื้อขาวนะครับ ซึ่งเดี๋ยวแต้มจะเขียนบทความข้อควรรู้อีกครั้งนะครับ) และเอกสารประกอบอื่นๆ ตามประเภทวีซ่า วันนัดหมาย แต้มแนะนำให้ไปถึงก่อนเวลานัดสัก 15 นาทีครับ ไปถึงแล้วก็ยื่นเอกสาร สแกนลายนิ้วมือ และชำระเงิน (เตรียมบัตรเครดิตหรือเงินสดไปให้พร้อมนะครับ) นอกจากทำวีซ่า ที่นี่ทำอะไรได้อีก? นอกจากเรื่องวีซ่าแล้ว ศูนย์ยื่นคำร้องฯ แห่งนี้ ยังให้บริการอื่นๆ ด้วยนะครับ เช่นการรับรองเอกสารสำหรับใครที่ต้องนำเอกสารจากไทยไปใช้ที่จีน เช่น ใบเกรด ใบจบการศึกษา หรือใบทะเบียนสมรส (ซึ่งขั้นตอนนี้อาจจะต้องมีการประสานงานกับกงสุลไทยและ สถานเอกอัครราชทูตจีน ในขั้นตอนการรับรองด้วยนะครับ) การทำเอกสารอาจจะดูเป็นเรื่องน่าเบื่อและซับซ้อน แต่ถ้าเราเตรียมตัวดี ศึกษาข้อมูลให้พร้อม ไม่ว่าจะติดต่อศูนย์ยื่นวีซ่า หรือหาข้อมูลเกี่ยวกับ สถานเอกอัครราชทูตจีน การดำเนินการต่างๆ ก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดครับ หวังว่าข้อมูลที่แต้มนำมาฝากในวันนี้ จะช่วยให้คุณผู้อ่านเตรียมตัวเดินทางไปจีนได้อย่างราบรื่นนะครับ นอกจากนี้ คุณผู้อ่านก็สามารถมาพูดคุยกันได้ในช่อง “แสดงความคิดเห็น” ได้เลยนะครับ แต้มเอง เป็นพื้นที่ในการเล่าเรื่องราวที่น่าสนใจที่แต้มได้ไปเจอมา ทั้งสถานที่ อาหาร การใช้ชีวิต และเรื่องราวการเรียนอีกสารพัด ฝากกดติดตามด้วยนะครับ เครดิต รูปภาพหน้าปก / รูปภาพประกอบบทความ - แต้มเอง(ผู้เขียน) ฝากติดตาม · แต้มเอง อ่านบทความอื่นๆ บน TrueID Creator เข้าร่วม Community กับ แต้มเอง เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !