“เจ้าชายวิลเลียม” สู้โลกร้อน ตั้งโครงการร่วมชาวพื้นเมืองบราซิล ปกป้อง “ผืนป่าแอมะซอน”

ระหว่างการเยือนประเทศบราซิลเพื่อร่วมงานประกาศรางวัลด้านสิ่งแวดล้อม เจ้าชายวิลเลียมแห่งราชวงศ์อังกฤษ ทรงแสดงจุดยืนชัดเจน สนับสนุนชุมชนชนพื้นเมืองและนักอนุรักษ์ที่ต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องผืนป่าแอมะซอน พร้อมประกาศโครงการใหม่เพื่อร่วมมือกับชาวพื้นเมืองในการปกป้องป่าฝนที่มีความสำคัญระดับโลก

เมื่อวันที่ 4 พ.ย.68 เจ้าชายวิลเลียม ดยุกแห่งเวลส์ เสด็จเยือนประเทศบราซิลเพื่อร่วมงานมอบรางวัลด้านสิ่งแวดล้อมระดับนานาชาติ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการรางวัลด้านสิ่งแวดล้อมมูลค่าหลาย 100 ล้านบาทที่พระองค์ทรงก่อตั้งขึ้น เพื่อสนับสนุนแนวคิดและนวัตกรรมที่ช่วยปกป้องโลกจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศ เจ้าชายวิลเลียมทรงกล่าวยกย่องชนพื้นเมืองในภูมิภาคแอมะซอนว่า “ตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมา ชุมชนเหล่านี้คือผู้พิทักษ์ระบบนิเวศที่สำคัญของโลก แต่วันนี้ชีวิตและผืนแผ่นดินของพวกเขากลับเผชิญภัยคุกคามมากขึ้นเรื่อย ๆ”

พระองค์ทรงระบุว่า “เพียงในปีที่ผ่านมาเพียงปีเดียว มีพื้นที่ป่าแอมะซอนมากกว่า 1.7 ล้านเฮกตาร์ (ราว 10.6 ล้านไร่) ถูกทำลาย ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากกิจกรรมผิดกฎหมาย สำหรับชนพื้นเมือง และการสูญเสียเหล่านี้ไม่ใช่เพียงเรื่องสิ่งแวดล้อม แต่คือเรื่องของการดำรงอยู่” นอกจากนี้ เจ้าชายวิลเลียมยังประกาศเปิดตัวโครงการใหม่ เพื่อร่วมมือกับชุมชนชนพื้นเมืองในการปกป้องและฟื้นฟูป่าแอมะซอน โดยมีเป้าหมายสนับสนุนผู้พิทักษ์ผืนป่าที่ต้องเผชิญความเสี่ยงจากการคุกคามและความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง

“เราทุกคนต้องยืนเคียงข้างผู้ที่ลุกขึ้นต่อสู้เพื่อธรรมชาติในทุก ๆ วัน” พระองค์ตรัส พร้อมกล่าวว่า โลกไม่อาจแก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศได้ หากไม่สนับสนุนผู้ที่อยู่แนวหน้าในการปกป้องระบบนิเวศเหล่านี้

ตามข้อมูลจากมูลนิธิ United for Wildlife ซึ่งอยู่ภายใต้การอุปถัมภ์ของเจ้าชายวิลเลียม ระบุว่า ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา มีนักอนุรักษ์และผู้ปกป้องสิ่งแวดล้อมหลายพันคนทั่วโลกถูกสังหารหรือหายสาบสูญ โดยชนพื้นเมืองเป็นกลุ่มที่ตกเป็นเป้าหมายมากที่สุด

โครงการใหม่ของพระองค์จะต่อยอดจากกองทุนสนับสนุนที่ประกาศไว้เมื่อปี 2567 ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างมูลนิธิของเจ้าชายวิลเลียมกับองค์กรพันธมิตรอีกสองแห่ง เพื่อมอบความคุ้มครองด้านประกันภัยให้เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่ากว่า 10,000 คนในทวีปแอฟริกา โดยโครงการดังกล่าวมีมูลค่ารวมหลาย 100 ล้านบาท

พระองค์ทรงย้ำว่า การปกป้องธรรมชาติไม่ใช่เพียงภารกิจของประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่คือ “พันธกิจร่วมของมนุษยชาติ” และทุกประเทศต้องมีส่วนร่วมในการดูแล “ปอดของโลก” อย่างผืนป่าแอมะซอนให้คงอยู่ต่อไปเพื่ออนาคตของโลกใบนี้