วิกฤติโควิด-19 ทำระบบการศึกษาปั่นป่วน เพราะอาจจะต้องเรียนออนไลน์ ผู้ปกครองหลายคนคงวิตก ตายแล้วลูกฉัน จะทำอย่างไร ส่วนตัวผู้เขียนเอง ลูก 3 (แต่เมีย 1) คนโตชั้นประถม 5 คนกลางประถม 1 คนเล็กเริ่มเข้าอนุบาลปีการศึกษานี้ ขืนเรียนออนไลน์คงได้บันเทิงกันบ้าง ก่อนจะเขียนบทความนี้ก็เพิ่งทำแบบสอบถามของ สพฐ. ที่โรงเรียนเด็ก ๆ ส่งมาหยก ๆ คิดเล่น ๆ มิต้องจัดหาแทบเล็ต 3 เครื่องเลยหรือ แล้วเด็ก ๆ เรียนแบบนี้จะได้เรื่องรึ เรื่องระบบการศึกษาในประเทศไทยจริง ๆ แล้วมีหลายรูปแบบ เรียนทางไกลก็มี คล้ายออนไลน์ แต่นั่นทางไกลโดยนักเรียนนั่งอยู่ในชั้นและมีครูกำกับ อีกรูปแบบหนึ่ง คือ โฮมสคูล พ่อแม่สอนเองที่บ้าน และ Montessori Method ที่เน้นให้เด็กเรียนไปตามธรรมชาติ ซึ่งเป็นที่นิยมในสถานเด็กเล็กหลาย ๆ แห่งสำหรับผู้เขียนเอง หากได้เรียนออนไลน์จากที่บ้าน เด็กเล็กคงไม่ต่างอะไรกับ Montessori Method เพราะระดับอนุบาลขืนให้มาฟังครูผ่านหน้าจอคงไม่ไหว ฉะนั้นก็ต้องเรียนไปตามธรรมชาติ แล้วค่อยรายงานโรงเรียนถึงพัฒนาการ ฉะนั้นจึงนำการเรียนแบบ Montessori Method มาบอกกล่าวเล่าความกันต่อว่ามีความสำคัญอย่างไรภาพโดย 2081671 จาก Pixabay Montessori Method คืออะไรMontessori Method คือ การศึกษารูปแบบหนึ่งที่เน้นให้เด็กได้เรียนรู้ตามความสนใจ และผู้ใหญ่สอนสอนคลอไปพร้อม ๆ กับระดับพัฒนาการ ไม่ใช่เด็กทำตามผู้ใหญ่อย่างเดียว กล่าวง่าย ๆ คือ เน้นเด็กเป็นศูนย์กลาง อ่านดูก็คล้ายการศึกษา Child Center ที่การศึกษาไทยประกาศ แต่ผู้อ่านก็รู้มิใช่หรือว่า ไม่จริงMontessori Method คิดค้นโดย Dr. Maria Montessori (1870-1952) แพทย์หญิงชาวอิตาลี ที่ทำงานกับเด็กบกพร่องทางสติปัญญามาอย่างยาวนาน เธอใช้วิธีให้เด็กเหล่านี้เรียนตามความสนใจ ใครอยากเล่นก็เล่น ถนัดสิ่งใดก็ทำสิ่งนั้น เธอไม่ได้ชี้นำ แต่เสริมด้วยการสร้างการยอมรับ ให้เด็กรู้ว่าเขากำลังได้รับความนับถือ แล้วค่อยสอนวิชาการเสริมเข้าไป เมื่อสอนได้ระยะหนึ่งเธอนำเด็ก ๆ ของเธอออกไปสอบวัดระดับกับนักเรียนปกติ ปรากฏว่าเด็กบกพร่องทางปัญญาทำข้อสอบได้ทัดเทียมกับเด็กปกติ เป็นที่ฮือฮาถึงกับอุทานกันว่า ‘มหัศจรรย์’ภาพโดย Jill Wellington จาก Pixabay ปัจจุบันสามารถเห็นระบบ Montessori Method ได้ในสถานรับเลี้ยงเด็กทั่วไปในไทย แต่สิ่งสำคัญของ Montessori Method คือ ผู้สอน ต้องเข้าใจเด็ก ตามหลักการแล้วผู้สอนต้องผ่านการอบรมมาโดยเฉพาะ เพื่อให้เข้าใจเด็ก ลองย้อนภาพมาที่โรงเรียนของเรา บางคนเรียนครูเพราะไม่รู้จะไปทำอะไร สถานรับเลี้ยงเด็กบางแห่งก็จ้างเจ้าหน้าที่ที่ไม่ได้จบจิตวิทยาเด็กโดยตรง (ที่กล่าวมานี่ เป็นเพียงบางแห่ง บางตัวอย่าง ซึ่งผู้เขียนกล่าวอ้างตามข่าวที่มีให้เห็นบ่อย ๆ เท่านั้น เพื่อจะโยงไปยังย่อหน้าถัดไป) ทางด้านจำนวนเด็กในห้อง Montessori Method กำหนด 10 – 12 คน ต่อครู 1 คน ผู้ช่วยครูอีก 1 คนระบบการศึกษา Montessori Method เน้นให้เด็กซึบซับ และเรียนรู้จากสิ่งรอบข้าง ในห้องเรียนนอกจากกำหนดสมาชิกน้อยแล้ว ยังให้คละอายุ ดังนี้ชั้นเด็กเล็กอายุตำกว่า 3 ขวบก่อนประถมศึกษา 2 ขวบครึ่ง - 6 ขวบประถมต้น 6 - 9 ขวบประถมปลาย 9 - 12 ขวบแต่ละระดับมีเด็กอายุต่างกัน 3 ปี เพื่อให้เด็กโตช่วยเหลือเด็กเล็ก และเด็กเล็กเรียนรู้จากเด็กโตภาพโดย 5311692 จาก Pixabay จากระบบการวางอายุ และการสอน ตลอดจนครูที่ต้องเข้าใจเด็กผู้เขียนจึงเชื่อว่า Montessori Method นั้นพ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย เหมาะที่จะเป็นครูอย่างยิ่งเพราะเข้าใจ และใจเย็นกับลูกหลานตัวเองมากกว่าคนอื่นแน่นอน ไม่ต้องไปเรียนมาจากไหน เพราะมาจากสายเลือดตั้งแต่ต้น ยิ่งอย่างบ้านผมที่มีเด็กถึง 3 ช่วงวัย ก็เข้าข่าย Montessori Method ไม่น้อย ฉะนั้นหากนำการสอนระบบนี้มาประยุกต์เข้ากับการเรียนออนไลน์ในขณะที่หนีโควิด-19 กันอยู่นี้ คิดว่าปัญหากังวลใจจากที่เกริ่นนำข้างต้นคงจะหมดไป ที่เหลือก็เพียงเป็นหน้าที่ของผู้หลักผู้ใหญ่ที่จะมาตั้งกำหนดกฏเกณฑ์ว่าการสอบวัดระดับควรมีมาตรฐานอย่างไร และทำความเข้าใจกับพ่อแม่ผู้ปกครองให้ชัด เพราะเอาเข้าจริงบ้านเราก็ยังอ่อนเรื่องการเรียนอย่างนี้อยู่ แต่ถึงกระนั้นก็เชื่อว่า ทำกันได้ภาพโดย Prashant Sharma จาก Pixabay และสามารถติดตามบทความเกี่ยวกับแหล่งเรียน Online ฟรีอื่น ๆ ได้ โดยคลิกที่ https://bit.ly/2LI0hpwภาพปกโดย Jill Wellington จาก Pixabay อ้างอิงhttp://www.pecerathailand.org/2018/01/364.htmlhttp://www.swcpm1.ac.th/montessori-methodhttps://www.parentsone.com/montessori/