ย้อนกลับไปในยุคทองของ PlayStation 2 คงไม่มีเกมเมอร์คนไหนที่ไม่รู้จัก Dragon Ball Z Budokai 3 เกมต่อสู้ที่ดัดแปลงมาจากการ์ตูนสุดฮิตตลอดกาลอย่าง ดราก้อนบอล Z สำหรับผมแล้ว เกมนี้ไม่ใช่แค่เกมต่อสู้ธรรมดา แต่มันคือประตูสู่โลกแห่งดราก้อนบอลที่ผมเฝ้าฝันถึงมาตั้งแต่เด็ก มันคือสนามประลองที่ผมได้ควบคุมตัวละครโปรด ปล่อยพลัง และต่อสู้กับเหล่าร้าย แม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน แต่ทุกครั้งที่ผมนึกถึง Budokai 3 ภาพความทรงจำในวัยเด็ก เสียงเพลงประกอบ และความรู้สึกตื่นเต้นเร้าใจก็ยังคงกลับมาอย่างแจ่มชัด วันนี้ผมจะขอพาคุณดำดิ่งสู่โลกของ Budokai 3 อีกครั้ง เพื่อรื้อฟื้นความทรงจำและสัมผัสกับความมหัศจรรย์ของเกมต่อสู้ในตำนานเกมนี้ กราฟิกและการนำเสนอที่เหนือชั้น ในยุคที่ PlayStation 2 ครองเมือง กราฟิกของ Budokai 3 ถือว่าเป็นที่สุดแห่งยุค ตัวละครแต่ละตัวถูกสร้างขึ้นมาอย่างประณีต รายละเอียดของเส้นผม กล้ามเนื้อ และชุดแต่งกาย ล้วนถูกถ่ายทอดออกมาได้อย่างสมจริง ใกล้เคียงกับอนิเมะต้นฉบับมาก ผมจำได้ว่าตอนเห็นโกคูแปลงร่างเป็นซูเปอร์ไซย่า 3 ครั้งแรกในเกมนี้ ขนลุกซู่ไปทั้งตัว เพราะเอฟเฟกต์แสงสีทองอร่ามและเส้นผมที่ยาวสยาย มันช่างอลังการงานสร้างเสียจริง ยิ่งไปกว่านั้น ฉากต่อสู้ก็ถูกออกแบบมาอย่างยิ่งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นฉากทุ่งหญ้า ฉากเมือง หรือฉากดาวนาเม็ก ล้วนเต็มไปด้วยรายละเอียดที่ทำให้รู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปในการ์ตูนจริงๆ นอกจากนี้ เพลงประกอบของเกมก็เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบที่ขาดไม่ได้ ดนตรีที่เร้าใจ บวกกับเสียงพากย์อันทรงพลังของตัวละคร ยิ่งช่วยเพิ่มอรรถรสในการเล่นให้มากขึ้นไปอีก รูปแบบการเล่นที่เรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยความลึกซึ้ง Budokai 3 เป็นเกมต่อสู้ที่เล่นง่าย เหมาะสำหรับผู้เล่นทุกเพศทุกวัย แต่ในขณะเดียวกันก็มีความซับซ้อน ที่ผู้เล่นระดับสูงสามารถฝึกฝนและพัฒนาฝีมือได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ระบบการต่อสู้ถูกออกแบบมาอย่างดี มีท่าโจมตีพื้นฐาน ท่าโจมตีกลางอากาศ ท่าจับทุ่ม การป้องกัน การหลบหลีก และที่ขาดไม่ได้คือ "ท่าไม้ตาย" อันเป็นเอกลักษณ์ของตัวละครแต่ละตัว เช่น "พลังคลื่นเต่า" ของโกคู "Final Flash" ของเบจิต้า หรือ "Kamehameha x10" ของโกฮัง ซึ่งแต่ละท่าไม้ตายก็มีอนิเมชั่นและเอฟเฟกต์ที่แตกต่างกันออกไป ยิ่งไปกว่านั้น เกมนี้ยังมีระบบ "Ki Charge" ที่ช่วยให้ผู้เล่นสามารถสะสมพลังเพื่อใช้ท่าไม้ตายที่รุนแรงขึ้นได้ และระบบ "Dragon Rush" ที่เป็นการต่อสู้แบบตัวต่อตัว วัดใจกันด้วยการกดปุ่มให้ถูกจังหวะ ซึ่งเป็นระบบที่สร้างความตื่นเต้นและท้าทายให้กับผู้เล่นได้เป็นอย่างดี โหมดการเล่นที่หลากหลาย ไม่มีเบื่อ Budokai 3 มีโหมดการเล่นให้เลือกเล่นมากมาย ไม่ว่าจะเป็น โหมดเนื้อเรื่อง (Story Mode): พาคุณย้อนรอยเรื่องราวของดราก้อนบอล Z ตั้งแต่ภาคเซลล์ จนถึงภาคจอมมารบู พร้อมกับภารกิจเสริมต่างๆ ที่ช่วยให้คุณเข้าถึงเนื้อเรื่องได้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น เช่น การตามหา Dragon Ball ทั้ง 7 ลูก หรือการฝึกวิชา โหมดต่อสู้ (Versus Mode): เลือกตัวละครที่คุณชื่นชอบมาต่อสู้กับเพื่อน หรือกับ AI โหมดทัวร์นาเมนต์ (Tournament Mode): เข้าร่วมการแข่งขัน ประลองฝีมือกับเหล่านักสู้จากทั่วโลก โหมดฝึกฝน (Practice Mode): ฝึกฝนทักษะการต่อสู้ ทดลองคอมโบใหม่ๆ โหมด Dragon Universe: โหมดพิเศษที่ให้คุณสร้างตัวละครของตัวเอง และออกผจญภัยในโลกของดราก้อนบอล Z ตัวละครที่หลากหลาย ตอบโจทย์ทุกความต้องการ Budokai 3 มีตัวละครให้เลือกเล่นมากกว่า 40 ตัว ครอบคลุมตัวละครหลัก ตัวละครรอง และตัวละครลับ จากภาคต่างๆ ของดราก้อนบอล Z แต่ละตัวละครก็จะมีค่าพลัง ความสามารถ และท่าไม้ตายที่แตกต่างกันออกไป เช่น โกคู ที่เป็นตัวละครสมดุล เก่งรอบด้าน เบจิต้า ที่เน้นความเร็วและพลังโจมตี โกฮัง ที่สามารถแปลงร่างเป็นซูเปอร์ไซย่า 2 ได้ หรือพิคโกโร่ ที่เชี่ยวชาญการต่อสู้ระยะไกล นอกจากนี้ เกมยังมีระบบ "Z capsules" ที่ช่วยให้คุณปรับแต่งค่าพลังของตัวละครได้ตามต้องการ ทำให้การเล่นมีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น ความทรงจำในวัยเด็กที่ไม่อาจลืมเลือน ผมจำได้ว่าสมัยก่อน ผมกับเพื่อนๆ มักจะนัดกันไปเล่น Budokai 3 ที่ร้านเกมเป็นประจำ เราจะผลัดกันเล่น ผลัดกันเชียร์ แบ่งปันเทคนิคการเล่น และแข่งกันว่าใครจะเก่งกว่ากัน บางครั้งก็มีทะเลาะกันบ้าง เพราะแย่งกันเล่นตัวละครโปรด แต่สุดท้าย เราก็กลับมาหัวเราะและสนุกด้วยกันเหมือนเดิม เสียงหัวเราะ เสียงเฮ เสียงบ่นด่า ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำที่ผมไม่มีวันลืม และมันยังคงทำให้ผมอมยิ้มได้ทุกครั้งที่นึกถึง ข้อดีที่ทำให้ Budokai 3 กลายเป็นตำนาน กราฟิกสวยงาม เอฟเฟกต์อลังการ สมจริง ระบบการต่อสู้เข้าใจง่าย แต่แฝงไปด้วยกลยุทธ์ ตัวละครหลากหลาย มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โหมดการเล่นมากมาย ไม่มีเบื่อ เพลงประกอบและเสียงพากย์ ช่วยเพิ่มอรรถรสในการเล่น ข้อเสียเล็กๆ น้อยๆ ที่พอจะมองข้ามได้ ตัวละครบางตัวมีความสมดุลไม่เท่ากัน โหมดเนื้อเรื่องอาจจะสั้นไปสักหน่อย ระบบ Dragon Rush อาจจะดูซ้ำซากจำเจ บทส่งท้าย Dragon Ball Z Budokai 3 คือเกมต่อสู้ที่สมบูรณ์แบบ ที่สามารถตอบโจทย์ทั้งแฟนๆ ดราก้อนบอล และผู้ที่ชื่นชอบเกมต่อสู้ ด้วยกราฟิกที่สวยงาม ระบบการเล่นที่สนุก ตัวละครที่หลากหลาย และโหมดการเล่นที่ไม่มีเบื่อ ทำให้ Budokai 3 กลายเป็นเกมในตำนานที่ยังคงได้รับความนิยมจนถึงทุกวันนี้ หากคุณมีโอกาส ผมขอแนะนำให้ลองสัมผัสกับความสนุกของเกมนี้ดูสักครั้ง แล้วคุณจะรู้ว่าทำไม Budokai 3 ถึงยังคงอยู่ในใจของใครหลายๆ คน คะแนน: 9.5/10 เครดิตภาพ ทางผู้เขียนได้ซื้อเกมนี้มาเล่นเองถ่ายรูปลงเอง เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !