หนังสือที่ว่าด้วยเรื่องราวเศรษฐศาสตร์ที่กล่าวถึงความหมายและประเด็นของทางเลือกของมนุษย์ เพราะไม่มีใครมีทุกสิ่งได้ตลอดเวลา เศรษฐศาสตร์ว่าด้วยเรื่องของการทำความเข้าใจทางเลือกต่างๆที่ว่านั้น แล้วพิจารณาว่าทางเลือกคุ้มค่ามากกว่ากัน ผลงานการเขียนโดย Lara Bryan และ Andy Prentice แปลโดย ฟอร์จูนา การถ่ายทอดก็จะเป็นการ์ตูนภาพสี่สีประกอบเพื่อความเข้าใจ แต่ไม่ใช่คอมิกส์นะครับ เป็นเหมือนหนังสือภาพมากกว่า เพื่ออธิบายประเด็นที่ยากให้เข้าใจได้ง่ายๆ เนื้อหาภายในเล่มบทที่ 1 ไม่ได้มีเพียงพอสำหรับทุกคนบทที่ 2 ตลาดบทที่ 3 การตัดสินใจเลือกบทที่ 4 การผลิต กำไร และการแข่งขันบทที่ 5 ระบบเศรษฐกิจบทที่ 6 เศรษฐศาสตร์มหภาคบทที่ 7 การค้าระหว่างประเทศบทที่ 8 คำถามสำคัญ ความรู้ความประทับใจที่ได้ในมุมมองของครีเอเตอร์ได้เรียนรู้ว่าสิ่งต่างๆไม่เคยเพียงพอที่จะทำให้ทุกคนได้อย่างที่ต้องการ ดังนั้น คนจึงต้องตัดสินใจเลือกว่าจะแบ่งปันกันอย่างไรโดยที่ทำให้ทุกคนมีความสุข Win-Win กันทุกฝ่าย นี่คือความหมายใจความหลักของเศรษฐศาสตร์ ได้เรียนรู้ว่าจำนวนหรือปริมาณของทรัพยากรที่มีอยู่ เรียกว่า อุปทาน (Supply) ครีเอเตอร์จำง่ายๆว่าความต้องการขาย ส่วนจำนวนหรือปริมาณของทรัพยากรที่คนต้องการ เรียกว่า อุปสงค์ (demand) ครีเอเตอร์จำง่ายๆว่าความต้องการซื้อ ได้เรียนรู้ว่าทางเลือกแต่ละอย่างที่เราตัดสินใจมีต้นทุนทั้งสิ้น แม้ว่าเราจะไม่ได้จ่ายเงินเพื่อให้ได้มันมา เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะไม่ว่าเราจะเลือกทางเลือกใดก็จะมีผล คือไม่สามารถใช้ประโยชน์จากอีกทางเลือกหนึ่งได้ หากตัดสินใจผิด เราย้อนกลับมาเลือกทางเลือกเดิมไม่ได้แล้ว เราเรียกว่า ค่าเสียโอกาสในสิ่งที่เราไม่ได้ทำ เช่น เราได้ไม้กองหนึ่ง เราจะใช้ทำรั้วกั้น ทำอาวุธ หรือใช้ก่อไฟ เวลาก็เป็นต้นทุนเช่นกัน เราใช้เวลากับสิ่งหนึ่ง (ไปทำงาน) ย่อมเสียโอกาสในการทำอีกสิ่ง (เล่นเกม) เป็นต้น ได้เรียนรู้ว่าค่าเสียโอกาสดังกล่าว เราจะพบว่าบ่อยครั้งมันยากที่จะรู้ว่าตัวเลือกที่ใช่ ระหว่างสิ่งที่ต้องการกับสิ่งที่จำเป็น ระหว่างสิ่งที่จะได้ประโยชน์ระยะสั้นหรือความคุ้มค่าในระยะยาว ได้เรียนรู้ว่าการเปลี่ยนทรัพยากรเป็นผลิตภัณฑ์ เราเรียกกระบวนการนี้ว่าการผลิต นักเศรษฐศาสตร์แบ่งออกเป็น 4 ส่วน1.ความคิด เพื่อที่จะผลิตอะไรบางอย่างเราต้องมีความคิดว่าเราจะผลิตอะไร แล้วจะผลิตอย่างไร2.ทรัพยากร หรือ วัตถุดิบคือสิ่งที่จำเป็นในขั้นนี้3.แรงงาน ในการผลิตต้องใช้แรงงานกำลังคน ในที่นี้หมายถึง ออกแรงด้วยมือ ออกไอเดียสร้างสรรค์ความคิดใหม่ ความเป็นผู้นำ สิ่งใดที่ต้องใช้เวลาคือแรงงานทั้งสิ้น4.ทุน ในการทำงานได้จะต้องมีเครื่องมือและเทคโนโลยีที่ช่วยให้ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เร็วขึ้น ปลอดภัยขึ้นสรุป การผลิต = ความคิด + ทรัพยากร + แรงงาน + ทุน ได้เรียนรู้ว่าความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านและการค้าเป็นพื้นฐานของเศรษฐกิจทุกแห่ง ไม่ว่าสังคมจะมีขนาดใหญ่หรือเล็ก การผลิตนำไปสู่การค้า การค้านำไปสู่การบริโภค สังคมใดที่ผลิต ค้าขาย และบริโภค คือเศรษฐกิจ นี่คือสิ่งที่เป็นไปเมื่อหลายพันปีก่อน และยังคงเป็นเช่นนี้จนถึงปัจจุบัน ได้เรียนรู้ว่าไม่ว่าจะเป็นการสัญญาจะให้รางวัลหรือข่มขู่ว่าจะลงโทษ อะไรก็ตามที่จูงใจให้เราตัดสินใจล้วนเรียกว่า แรงจูงใจ เงินเดือนคือแรงจูงใจของคนทำงานประจำ การลงโทษจำคุกเพื่อให้คนกลัวก่ออาชญากรรม ผลสอบที่ดีก็จูงใจให้เด็กตั้งใจเรียน ได้เรียนรู้ว่าการแข่งขันทำให้การค้าต่างๆมีราคาถูกลง เพื่อแย่งลูกค้าของคู่แข่งกลับมาหาธุรกิจตน สิ่งนี้ทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือก เศรษฐกิจก็มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย การหนีจากการแข่งขันทางราคา คือ สิ่งที่ผลักดันให้ธุรกิจต่างๆลองสร้างตามความคิดใหม่ๆเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยเทคโนโลยี คุณภาพ ผลิตภาพ (ผลิตเร็วและถูกกว่า) รวมถึงการโฆษณา ได้เรียนรู้ว่าตลาดผูกขาด คือธุรกิจมีอำนาจควบคุมตลาดโดยเบ็ดเสร็จสมบูรณ์ ไม่มีการแข่งขัน แต่จะส่งผลให้ตลาดมีผลิตภัณฑ์ไม่หลากหลายและราคาสูง ถือเป็นความล้มเหลวของตลาดเลยทีเดียว ได้เรียนรู้ว่าตลาดกึ่งแข่งขันกึ่งผู้ขาด คือธุรกิจที่เป็นเจ้าใหญ่ในตลาด 2-3 เจ้า ทำให้ราคาของสินค้า/บริการอยู่ในระดับใกล้เคียงกันมาก แต่ถ้าธุรกิจขนาดใหญ่แอบทำข้อตกลงกันว่าจะไม่แข่งขันกันเพื่อที่จะคงราคาสูงไว้ เรียกว่า การตกลงเพื่อจำกัดการแข่งขัน (การสร้างคาร์เทล) ถือเป็นเรื่องผิดกฎหมายในหลายประเทศ ได้เรียนรู้ว่าประเทศส่วนใหญ่ทั่วโลกใช้ระบบเศรษฐกิจแบบผสม แต่ละประเทศมีความเฉพาะตัวขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลของประเทศนั้นใหญ่หรือเล็ก ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลควบคุมเศรษฐกิจ ธุรกิจ หรือปัจเจกบุคคลมากน้อยแค่ไหน ถ้ารัฐบาลใหญ่ก็มักมีหรือใช้สิ่งต่อไปนี้มาก ไม่ว่าจะเป็นเงินใช้จ่ายสำหรับบริการสาธารณะ กฎระเบียบของธุรกิจ กฎหมายเกี่ยวกับสิ่งที่คนทำได้และทำไม่ได้ ภาษี ได้เรียนรู้ว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือ GDP ถ้าเพิ่มขึ้นมักหมายถึงธุรกิจมีการผลิตมากขึ้น มีการจ้างงานมากขึ้น ผู้คนมีรายได้ที่ทำให้กล้าใช้จ่ายมากขึ้น รัฐบาลก็เก็บภาษีได้มากขึ้น การผลิตและใช้จ่ายมากขึ้นทำให้เกิดวงจรเชิงบวก โดยทั่วไปประชาชนจะมีเงินมากขึ้น ถ้า GDP เพิ่มขึ้นนานกว่า 6 เดือน แสดงว่าเศรษฐกิจกำลังขยายตัว ตรงกันข้าม ถ้าธุรกิจผลิตได้น้อยลง กำไรไม่มี การจ้างงานไม่เกิด คนไม่ใช้จ่าย รัฐเก็บภาษีได้น้อยลง ทำให้ GDP ลดลง ถ้านานกว่า 6 เดือน เรียกว่า เศรษฐกิจอยู่ในภาวะถดถอย เศรษฐกิจส่วนใหญ่เป็นไปตามรูปแบบที่ช่วงเวลาดีตามด้วยช่วงเวลาที่แย่ ได้เรียนรู้ว่ากับดักความยากจน คือ สิ่งที่ทำให้คนจนยิ่งจนมากขึ้นไปอีก ต้องใช้ทักษะ ความตั้งใจจริง และความโชคดีมากกว่าคนอื่นเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากความสามารถของตน เพื่อสร้างชีวิตให้มั่นคงปลอดภัย แต่การเป็นคนรวยมันง่ายกว่าที่จะรักษาความมั่งคั่งต่อไป เช่น คนจนจ่ายค่าเรียนพิเศษไม่ไหว ทำให้เข้าศึกษาคณะที่มีงานเงินเดือนสูงไม่ได้ เวลาตกงานพอเจ็บป่วยก็หางานไม่ได้จึงยังคงจนต่อไป หากปล่อยทิ้งไว้ ช่องว่างระหว่างความรวยและความจนจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นกลายเป็นความเหลื่อมล้ำ ครีเอเตอร์ได้มุมมองต่อเศรษฐศาสตร์ที่ดีมากขึ้น แถมยังมองปัจจัยทางเศรษฐศาสตร์ให้เข้ากับบริบทชีวิตส่วนตัวของครีเอเตอร์ได้อีกด้วย หนังสือเล่มนี้ช่วยให้เราเข้าใจเศรษฐศาสตร์แบบมองทะลุได้จริง แม้จะเกี่ยวข้องกับเรื่องของการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่การที่เราไม่มีธุรกิจเป็นของตัวเอง เราก็ยังอยู่ในสถานะคนเป็นลูกค้า ดังนั้น เศรษฐศาสตร์อยู่รอบตัวเราเสมอ ไม่เคยจางหายไปไหน โลกขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้ก็เพราะกลไกทางเศรษฐกิจ แม้จะยังหาเหตุผลมาอธิบายรองรับไม่ได้ทั้งหมด แต่ความเข้าใจพื้นฐานตรงนี้ครีเอเตอร์มองว่ามันจะทำให้เราเข้าใจความเป็นไปของโลกได้ดีขึ้น หนังสืออ่านง่าย ภาพการ์ตูนดูสบายตา เหมือนอ่านหนังสือภาพของเด็ก แต่เนื้อหาไม่เด็กนะครับ ครีเอเตอร์แนะนำเลยครับ เครดิตภาพภาพปก โดย fanjianhua จาก freepik.com ภาพที่ 1 2 3 และ 4 โดยผู้เขียน บทความอื่นๆที่น่าสนใจ รีวิวหนังสือ ECONOMIX เศรษฐกิจสะกิดสมอง โดย Michael Goodwinรีวิวหนังสือ MONEY MINDSET โดย THE MONEY COACH จักรพงษ์ เมษพันธุ์รีวิวหนังสือ ขายดี 24 ชั่วโมงไม่ต้องยิงแอดรีวิวหนังสือ RESTAURANT BIBLE คัมภีร์เริ่มต้นธุรกิจร้านอาหารรีวิวหนังสือ ภาษี"บุก"คนธรรมดา เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !