มนุษย์ทุกคนมีศักยภาพซ่อนเร้นที่ซ่อนอยู่ แต่หลายคนกลับคิดว่าตัวเองไม่มีทางไปถึงจุดนั้นอย่างแน่นอน การคิดแบบนี้ถือเป็นเรื่องน่าเสียดายที่ยังไม่ทันได้ใช้ศักยภาพของตัวเองออกมาอย่างเต็มที่ สาเหตุส่วนหนึ่งก็เพราะว่าเราไม่รู้จักตัวเองมากพอ เราต้องทำในสิ่งที่จำเป็นต้องทำก่อน โดยต้องข้ามผ่านสิ่งที่ตัวเองถนัด แต่ไม่อาจเลี้ยงชีพตนได้ เป็นต้น Adam Grant นักเขียนชื่อดังและเจ้าของผลงานอย่าง Think Again จะมาให้แนวคิดที่เรื่องศักยภาพซ่อนเร้นในตัวเรา เพื่อให้เราได้พิจารณาตัวเองว่าจะทำอย่างไรกับตัวเองต่อไป ความรู้ความประทับใจที่ได้ในมุมมองของครีเอเตอร์การตัดสินใครสักคนจากสิ่งที่ทำวันแรก อาจทําให้เรามองข้ามศักยภาพที่แฝงอยู่อยู่ของคนนั้นได้ เวลาประเมินศักยภาพเรามักพลาดที่ไปประเมินตรงจุดเริ่มต้นและทึกทักไปเองว่าคนที่มีแววที่สุดคือคนมีพรสวรรค์ที่พร้อมประสบความสําเร็จ แต่งานวิจัยเกี่ยวกับคนที่ประสบความสําเร็จในหลากหลายแวดวง พบว่าแทบไม่มีใครแสดงความสามารถได้ดีตั้งแต่เริ่ม เมื่อเป็นเรื่องศักยภาพ เราจึงไม่ควรสนใจแค่จุดเริ่มต้น แต่ควรจะให้ความสําคัญที่ระยะทาง ดูว่าคนคนหนึ่งพร้อมจะพัฒนาไปได้ไกลแค่ไหน สอดคล้องกับผลจากการทดลองหนึ่งที่ได้รวบรวมผู้ประกอบการ 1,500 รายโดยแต่ละคนถูกจัดเข้าสู่หนึ่งในสามกลุ่มได้แก่ (1) กลุ่มที่นําเนินธุรกิจตามปกติ, (2) กลุ่มที่ฝึกฝนด้านการคิด ได้ศึกษาในด้านการตลาด การเงิน และการบัญชี (3) กลุ่มที่ฝึกฝนด้านอุปนิสัย ได้ฝึกฝนการทํางานเชิงรุก ความมีวินัย และความมุ่งมั่น ผลออกมาว่า ผู้ประกอบการในกลุ่มที่ได้ฝึกฝนด้านอุปนิสัย สามารถทำผลประกอบการในช่วงสองปี ให้เติบโตได้ถึง 30% มากกว่ากลุ่มที่ฝึกฝนด้านการคิดเกือบ 3 เท่า อุปนิสัยจึงสําคัญต่อความสําเร็จ มันเป็นสิ่งที่เราควรฝึกฝนและพัฒนา เพื่อที่จะปลดปล่อยศักยภาพแฝงในตัวเองได้อย่างเต็มที่ วิธีที่ดีที่สุดในการเติบโตอย่างรวดเร็ว คือการรวบรวมความกล้าที่จะเผชิญความไม่สะดวกใจ กล้าที่จะละทิ้งวิธีเดิม ๆ ที่เคยได้ผลมาตลอด, กล้าที่จะเอาตัวเองลงสนามแม้ว่ายังไม่พร้อม, และกล้าจะทําผิดพลาดมากกว่าคนอื่น เมื่อเราเห็นว่าความไม่สะดวกใจคือสัญลักษณ์การเติบโต เราก็จะพร้อมออกจากคอมฟอร์ตโซน เมื่อใดที่รู้สึกอึดอัด หรือว่าได้ทําผิดพลาด นั่นอาจเป็นสัญญาณที่บอกว่าการฝึกฝนกําลังไปได้สวย เราเริ่มก้าวออกจากจุดเดิมและศักยภาพแฝงของเราก็กําลังถูกพัฒนา การพัฒนาตัวเองไม่ได้ขึ้นอยู่กับปริมาณของข้อมูลที่หามาได้ แต่ขึ้นอยู่กับคุณภาพของข้อมูลที่รับเข้าไป ความสำคัญของการเติบโตจึงไม่ได้อยู่ที่ทำงานหนักขึ้น แต่เป็นทำงานฉลาดขึ้น คนที่ทํางานฉลาด มีความสามารถในการดูดซับเหมือนสัตว์อย่างฟองนํ้า คือประเมินได้ว่าจะดูดอะไรเข้าไป จะประยุกต์ใช้อะไร และจะกลั่นกรองเอาอะไรออกไป พวกเขายินดีจะละวางอีโก้ ยินดีทำตัวเป็นผู้ไม่รู้ กระตือรือร้นที่จะเข้าหาและทำความเข้าใจในสิ่งที่ไม่เคยรู้มาก่อน การปลดล็อกศักยภาพแฝงนั้นไม่ใช่การไขว่คว้าความสมบูรณ์แบบ แต่เป็นการตระหนักว่าความบกพร่องแบบไหนคือสิ่งที่ยอมรับได้ นี่คือส่วนหนึ่งของการก้าวสู่ความเป็นมืออาชีพในการมุ่งไปสู่ผลลัพธ์อันไร้ที่ติ นักวิจัยชี้ว่าเหล่า 2 คนที่นิยมความสมบูรณ์แบบ มักจะทำพลาดอยู่สามเรื่อง ได้แก่(1) วุ่นหาคําตอบให้กับปัญหาจิ๊บจ๊อย ไม่รู้ว่าอะไรควรใสใจจริง ๆ(2) กลัวพลาด จึงหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ไม่คุ้นเคยและงานยากๆ(3) เอาแต่ตำหนิตัวเองที่พลาด จนยากที่จะเรียนรู้จากเรื่องต่าง ๆหากเปรียบแนวคิดนิยมความสมบูรณ์แบบเป็นยาแล้วล่ะก็ ตรงที่ฉลากก็คงเตือนว่า “ผลข้างเคียง อาจทําให้การเติบโตหยุดชะงัก "การทําให้ดีที่สุด" ไม่ใชยารักษาแนวคิดนิยมความสมบูรณ์แบบ มันทำให้เราไม่แน่ใจว่าควรพยายามอย่างไรและควรพยายามขนาดไหน หากเป็น“เป้าหมายที่แจ่มชัดและท้าทาย” นี่คือยาขนานเอกไว้รับมือแนวคิดนิยมความสมบูรณ์แบบ มันจะพุ่งความสนใจของเราไปยังการกระทำที่สำคัญที่สุด และบอกให้เรารู้จักพอเมื่อถึงเวลา สําหรับผู้ที่นิยมความสมบูรณ์แบบและมักติดกับดักการตำหนิตัวเอง ให้รู้ไว้ว่าการทำแบบนั้นไม่ช่วยให้ใครแข็งแกร่งขึ้นเลย แต่เป็นการใจดีกับตัวเองต่างหากที่ช่วยได้ ให้ตัวเองเรียนรู้จากความผิดหวัง และอ้าแขนโอบรับข้อผิดพลาด เรามักจะได้ยินมาตลอดว่าหากต้องการพัฒนาทักษะ เรา “ต้อง”ผลักดันตัวเองให้ฝึกฝนแบบเดิม ๆ นานหลายชั่วโมง แต่วิธีในการปลดล็อกศักยภาพนั้นกลับต่างออกไป จากผลการศึกษาวิจัย 127 ครั้งกับผู้คนกว่า 45,000 คน พบว่าความพากเพียรนั้นจะแปรเปลี่ยนเป็นและสิทธิภาพได้มากกว่า เมื่อเกิดความรู้สึกหลงใหล หนึ่งในวิธีนั้นก็คือ "การเล่นอย่างตั้งใจ”นำความแปลกใหม่และความหลากหลายมาสู่การฝึกฝน เป็นได้ทั้งการเปลี่ยนวิธีเรียนรู้ เปลี่ยนเครื่องมือที่ใช้ หรือเปลี่ยนคนที่ปฏิสัมพันธ์ด้วย โดยอาจทําเป็นรูปแบบของเกม การสวมบทบาท หรืออื่น ๆ การพักผ่อน คือวิธีที่ป้องกันภาวะ “เบิร์นเอาท์” ที่มีประสิทธิภาพที่สุด โดยการพักผ่อนนั้นมีข้อดีต่อเราอย่างน้อย 3 อย่างต่อไปนี้(1) ช่วยคงระดับความหลงใหล แม้เป็นการพักแค่ช่วง 5-10 นาทีก็เพียงพอแล้วที่จะลดความเหนื่อยล้าและชาร์จพลังงานกลับมาได้(2) ช่วยปลดล็อกไอเดียใหม่ ๆ: การหยุดพัก เปิดโอกาสให้สมองใต้สํานึกทํางาน เชื่อมโยงข้อมูลต่าง ๆเข้าด้วยกัน เกิดความคิดสร้างสรรค์(3) ช่วยให้เรียนรู้ได้ลึกซึ้งขึ้น: ในการทดลองพบว่า นักเรียนที่พัก 10 นาทีหลังจากเข้าเรียน จะสามารถนึกถึงเนื้อหาที่เรียนได้ดีมากขึ้น 10-30% ในการเดินทาง เมื่อติดแหง็ก สาเหตุมักเป็นเพราะเรากำลังมุ่งหน้าไปทางผิด การรักษาแรงส่งให้ไปต่อได้ถึงปลายทาง ย่อมอาศัยการถอยกลับแล้วหาทางอื่น อาจเป็นทางที่ไม่คุ้นเคย คดเคี้ยว ขรุขระ แต่นั่นคือธรรมชาติของความก้าวหน้า มันไม่ใช่เส้นตรง แต่เป็นทางวกวนสอดคล้องกับที่นักวิทยาศาสตร์ด้านการรู้คิดอย่าง เวย์น เกรย์ และจอห์น ลินด์สเตดท์ ที่พบว่า เมื่อประสิทธิภาพเราชะลอตัว มันจะกลับมาไต่ระดับขึ้นทันทีไม่ได้ หากไม่ถอยหลังลงมาสักนิดก่อน การถูกบั่นทอนจิตใจเป็นอุปสรรคที่พบได้บ่อยเมื่อต้องถอยกลับ เพราะว่าบางครั้งเราอาจไปเจอทางตัน และต้องหาทางอ้อมอื่น ๆ มันทําให้เราไม่เห็นความก้าวหน้า จนสูญเสียแรงจูงใจได้ เทคนิคการรักษาแรงจูงไว้ หากเป้าหมายหลักที่ทำอยู่ไม่คืบหน้า..ให้พาตัวเองไปหาความรู้สึกก้าวหน้ากับกิจกรรมอื่น ๆ เช่น นักการเงินวางงานที่ทําอยู่ชั่วครู่ แล้วหันไปพัฒนาทักษะการวาดภาพ เมื่อเขาพบว่าทักษะวาดภาพของตัวเองดีขึ้น พลังไฟในใจก็เกิดขึ้น เชื้อเพลิงเล็ก ๆ น้อย ๆ จะช่วยเตือนว่าเรายังไปถึงปลายทางได้อยู่ ในสถานการณ์ที่ต้องเผชิญอุปสรรคอันยากจะก้าวข้าม เราอาจรู้สึกอยากยอมแพ้ เพื่อที่จะฝ่าฟันภาวะนี้ไปให้ได้ เราจะต้องมองหาความมั่นใจและสติปัญญาที่ซ่อนอยู่ภายในตัวเองให้พบ หนึ่งในวิธีที่ได้ผลมาก คือร่วมมือและทำบางสิ่งเพื่อผู้อื่น มันจะช่วยให้เราพัฒนาศักยภาพตัวเอง เพราะเราจะมีโอกาสได้ “สอน” ผู้คน สอดคล้องกันกับที่นักจิตวิทยาได้อธิบายปรากฏการณ์ “Tutor effect" เอาไว้ว่า..การสอนจะผลักดันให้เราเรียนรู้มากขึ้น ทบทวนความรู้เข้มข้นขึ้น เพื่อที่เราจะได้มีความมั่นใจมากพอที่จะส่งต่อความรู้นั้น การสอนจึงเป็นวิธีพัฒนาตัวเองที่ทรงพลัง ทีมที่ดีสุด คือทีมที่ขุดคุ้ยเอาไอเดียจากทุกคนออกมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด มีระบบเอื้อให้ทุกคนได้ร่วมแสดงความคิดเห็นทีมลักษณะนี้ต้องการผู้นำที่มีทักษะเอื้อสังคมสูงที่ช่วยให้แต่ละคนในทีมตระหนักว่าพวกเขาต้องการกันและกัน เพื่อให้การกิจลุล่วง ผู้นำมีทักษะเอื้อสังคมสูงไม่ใช่คนเสียงดังที่ชอบผงาดขึ้นมาเป็นผู้นำ ไม่ใช่คนที่ท่าตัวเป็นผู้รู้ดี แต่จะชอบรับฟังผู้อื่น พร้อมเปิดโอกาสให้ทุกคนได้แสดงความคิดเห็น ตัดสินใจโดยยึดประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก มีหลักฐานชัดเจนที่บ่งบอกว่า เมื่อเราระดมสมอง (brainstorming) คิดไอเดียร่วมกัน เราจะนำความฉลาดของกลุ่มมาใช้ได้ไม่เต็มที่ เพราะอาจเกิดปัญหาแบบพวกมากลากไป คล้อยตามเสียงของคนมีอำนาจ วิธีที่ดีกว่าคือ การขีดเขียนสมอง (brainwriting) โดยในตอนแรกให้แต่ละคนเริ่มคิดไอเดียคนเดียวก่อน จากนั้นนำไอเดียของทุกคนมารวมกัน แล้วนำเสนอโดยไม่บอกว่าเป็นไอเดียของใคร วิธีนี้จะเพิ่มโอกาสให้เราได้ค้นพบศักยภาพที่อาจไม่ได้ซ่อนอยู่ในตัวเรา แต่อาจถูกจุดประกายขึ้นมาเมื่อเราปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น ความผิดพลาดอย่างหนึ่งในการเลือกคนเข้าทำงาน คือตัดสินโดยดูแค่ว่าพวกเขายืนอยู่ในจุดที่สูงระดับไหน แต่ไม่ได้ดูว่าขึ้นมาถึงจุดนี้อย่างไร และมาจากพื้นที่ต่ำแค่ไหน งานวิจัยที่จัดทำกับนักศึกษา 28,000 คน การเรียนจบมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงกว่าส่งผลให้ทำงานได้ดีกว่าแค่เล็กน้อย และงานวิจัยอีก 44 ครั้ง พบว่าประสบการณ์ทำงานก่อนหน้าไม่ได้ส่งผลกับงานปัจจุบันอย่างแน่ชัด ถ้าไม่อยากมองข้ามคนที่ศักยภาพสูง เราควรดูคนให้ลึกถึงอุปนิสัย ดูว่าเขามีวินัย ความเพียร และพร้อมดูดซับความรู้แค่ไหน โดยสามารถประเมินควบคู่กับการให้ลองท่าแบบทดสอบที่คล้ายการทำงานจริง (เพื่อดูตัวตนเขาผ่านเนื้องาน) นี่คือหนังสือที่ไม่ได้แค่พูดถึงศักยภาพของคนทำงานหรือหาความสามารถเชิงลึกของบุคคลผู้นั้นเพียงอย่างเดียว แต่ Adam Grant ได้พยายามพูดถึงองค์รวมที่จะเพิ่มแนวโน้มในการค้นหาศักยภาพดังกล่าวให้ปรากฏชัดขึ้น อ่านแล้วไม่ค่อยตรงใจกับใครบางคนก็เป็นได้ แต่คงไม่เป็นปัญหาสำหรับแฟนพันธุ์แท้ของ Adam Grant แน่นอน เครดิตภาพภาพปก โดย jcomp จาก freepik.com ภาพที่ 1 และ 2 โดยผู้เขียนภาพที่ 3 โดย freepik จาก freepik.com ภาพที่ 4 โดย rawpixel.com จาก freepik.com บทความอื่นๆที่น่าสนใจรีวิวหนังสือ How to Make Work not Suck เมื่อเส้นทางการทำงานโรยไปด้วยเปลือกทุเรียนรีวิวหนังสือ The Rules of Management เก่งเรื่องคน เข้มเรื่องงาน บาลานซ์เรื่องชีวิตรีวิวหนังสือ ทำงานยังไงให้คุณมีมูลค่าสูงสุดในองค์กรรีวิวหนังสือ คู่มือคนทำงานฉบับสมบูรณ์ ตั้งแต่วันแรกที่เริ่มงานจนขึ้นเป็นซีอีโอรีวิวหนังสือ คนเก่งเขาก็ทำงานให้ง่ายแบบนี้แหละเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !